การหารือนัดต่างๆในกรอบ WEF อาเซียน 2018

(VOVWORLD) - ในกรอบฟอรั่มเศรษฐกิจโลกเกี่ยวกับอาเซียนหรือ WEF อาเซียน 2018 วันที่ 13 กันยายน  ซึ่งเป็นการประชุมวันสุดท้ายของ WEF อาเซียน 2018 บรรดาผู้แทนได้เน้นหารือในหัวข้อต่างๆ เช่นโอกาสของตลาดเทคโนโลยีดิจิตอล การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มใช้ขยะพลาสติก มาตรการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นในการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ระบบสาธารณสุขอาเซียน และศักยภาพทางการเมืองในเอเชีย 


การหารือนัดต่างๆในกรอบ WEF อาเซียน 2018 - ảnh 1รองนายกรัฐมนตรี หวูดึ๊กดาม เข้าร่วมการหารือ “อนาคตงานทำในอาเซียน” (vietnamplus) 

โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ฝ่ามบิ่งมิงห์เข้าร่วม และการหารือเกี่ยวกับ “อนาคตงานทำในอาเซียน” ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี หวูดึ๊กดาม เข้าร่วม

ในการกล่าวปราศรัยในการหารือเกี่ยวกับ “ศักยภาพการเมืองในเอเชีย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ฝ่ามบิ่งมิงห์ ได้ย้ำว่า “เมื่อวานนี้ พวกเราได้กล่าวถึงโอกาสจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะถ้าหากประเทศใดๆไม่ตระหนักถึงโอกาสนี้ก็จะตามไม่ทัน ช่องว่างการพัฒนา ความไม่เสมอภาคจะเพิ่มขึ้นภายในเศรษฐกิจและระหว่างเศรษฐกิจต่างๆ ปัญหาความยากจน การพัฒนาเป็นตัวเมือง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและมลพิษทางสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของเอเชีย”

เช้าวันเดียวกัน ในการเข้าร่วมการหารือ “อนาคตงานทำในอาเซียน” รองนายกรัฐมนตรี หวูดึ๊กดาม ได้ย้ำว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 กำลังส่งผลกระทบต่อหลายด้านของชีวิต เพื่อปรับตัวเข้ากับแนวโน้มนี้ อาเซียนต้องผลักดันความร่วมมือในด้านการศึกษาและฝึกอบรม แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแรงงาน เปลี่ยนแปลงนโยบายแรงงาน  สร้างบรรยากาศที่สะดวก และมีระบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมสำหรับแรงงาน  ในการกล่าวถึงปัญหานี้ นาย หวูดึ๊กดาม แสดงความเห็นว่า “ประชาชนเวียดนาม โดยเฉพาะเยาวชนมีความคาดหวังเกี่ยวกับอนาคตจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เพราะจะมีทั้งโอกาสและความท้าทาย ดังนั้นพวกเราต้องใช้โอกาสนี้และผลักดันการศึกษาตลอดชีวิต ปัจจุบัน เวียดนามกำลังผลักดันการศึกษา ถึงแม้การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาได้รับการชื่นชมจากทั่วโลก แต่พวกเราเห็นว่า ต้องพัฒนาต่อไป และหนึ่งในส่วนงานที่ต้องปฏิบัติคือ ต้องทำให้เด็กๆและนักเรียนตระหนักได้ดีเกี่ยวกับโลกในอนาคต เพิ่มความรู้ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการในสถานการณ์ใหม่”

ส่วนในช่วงบ่าย การประชุม WEF อาเซียนปี 2018 ได้เสร็จสิ้นลงโดยมีรองนายกรัฐมนตรี เจืองหว่าบิ่ง เข้าร่วม ต่อจากนั้น ได้มีการจัดการประชุมสุดยอดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจเวียดนามโดยมีนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก เข้าร่วม.

ในกรอบฟอรั่มเศรษฐกิจโลกเกี่ยวกับอาเซียนหรือ WEF อาเซียนปี 2018 เมื่อวันที่ 12 กันยายน ณ กรุงฮานอย สถาบัน McKinsey สังกัดกลุ่มบริษัทให้คำปรึกษายุทธศาสตร์ในการประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ McKinsey ได้ประกาศรายงาน “ประสิทธิภาพที่โดดเด่น: เศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีการขยายตัวในระดับสูงและสถานประกอบการ ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์”

ตามรายงาน เวียดนามเป็นหนึ่งใน 7 เศรษฐกิจที่มีอัตราการขยายตัวจีดีพีเฉลี่ยต่อหัวประชากรอยู่ที่กว่าร้อยละ 3.5 ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาคือตั้งแต่ปี 1965 ถึงปี 2016 และมี 11 เศรษฐกิจที่มีอัตราการขยายตัวรวดเร็ว ในเวลาอันสั้นคือบรรลุร้อยละ 5ต่อไป ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาคือตั้งแต่ปี 1996-2016

ในการประเมินเกี่ยวกับเวียดนาม นาง Anu Madgavkar รองผู้อำนวยการใหญ่ให้คำปรึกษายุทธศาสตร์การประกอบธุรกิจระหว่างประเทศและผู้จัดทำรายงานได้แสดงความเห็นว่า ในตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มแข็งด้านเทคโนโลยี ซึ่งช่วยพัฒนาผลผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน จากการมีแรงงานฝีมือดีจำนวนมาก เวียดนามต้องใช้ความได้เปรียบนี้ให้เกิดประสิทธิผลในการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด