นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกและนายกรัฐมนตรีดมีตรี เมดเวเดฟเข้าร่วมพิธีเปิดปีเวียดนามในรัสเซียและปีรัสเซียในเวียดนาม

(VOVWORLD) - ในกรอบการเยือนประเทศรัสเซียอย่างเป็นทางการ เมื่อค่ำวันที่ 22 พฤษภาคม ณ กรุงมอสโคว์ นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกและนาย ดมีตรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซียได้เข้าร่วมพิธีเปิดปีเวียดนามในรัสเซียและปีรัสเซียในเวียดนาม
นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกและนายกรัฐมนตรีดมีตรี เมดเวเดฟเข้าร่วมพิธีเปิดปีเวียดนามในรัสเซียและปีรัสเซียในเวียดนาม - ảnh 1ภาพในพิธี 

ในการนี้ นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เผยว่า ก่อนหน้านี้ 25 ปี เวียดนามและรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจได้ลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์มิตรภาพ ซึ่งเปิดระยะแห่งการพัฒนาใหม่ของความสัมพันธ์ทวิภาคี ในโอกาสรำลึกเหตุการณ์ดังกล่าวและมุ่งสู่การรำลึกครบรอบ 70ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ทั้ง 2 ประเทศจะจัดกิจกรรมปีเวียดนามในรัสเซียในปี 2019 และปีรัสเซียในเวียดนามในปี 2020 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องที่มีมาช้านานและความร่วมมือในทุกด้าน โดยนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้กล่าวว่า“ความทรงจำเกี่ยวกับประเทศและคนรัสเซียที่ใจกว้างและสนิทสนมยังคงสถิติอยู่ในใจของประชาชนเวียดนาม ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า กิจกรรมปีเวียดนามในรัสเซียและปีรัสเซียในเวียดนาม จะช่วยให้ประชาชนเวียดนามและรัสเซียเดินทางไปทำงาน ศึกษาและไปเที่ยวอีกประเทศมากขึ้น ส่วนสถานประกอบการทั้ง 2 ประเทศจะแสวงโอกาสความร่วมมือประกอบธุรกิจเพื่อมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านให้พัฒนาตามส่วนลึกอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อเสริมสร้างสัมพันธไมตรีที่ซื่อสัตย์และโปร่งใสระหว่าง 2 ประชาชาติ”

ส่วนนาย ดมีตรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซียได้เผยว่า “การที่ประชาชนเวียดนามชื่นชอบวัฒนธรรม ศิลปะพื้นเมืองและร่วมสมัยของรัสเซียเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ส่วนประชาชนรัสเซียก็ได้มีโอกาสศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ จิตรกรรมและดนตรีพื้นบ้านของเวียดนามมากขึ้นผ่านการไปเที่ยวประเทศเวียดนามที่สวยงาม โดยในปี 2018 มีนักท่องเที่ยวรัสเซียกว่า 6 แสนคนไปเที่ยวเวียดนาม ส่วนเยาวชนเวียดนามก็ชื่นชอบภาษาและการวิจัยในประเทศรัสเซีย”

นายกรัฐมนตรีรัสเซียได้แสดงความเชื่อมั่นว่า งานนิทรรศการ งานคอนเสิร์ต การฉายภาพยนต์และกิจกรรมอื่นๆในงานจะช่วยให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับเกียรติประวัติและวัฒนธรรมของทั้ง 2 ประเทศ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด