พิธีลงนามข้อตกลงเอฟทีเอและไอพีเอระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป

(VOVWORLD) - บ่ายวันที่ 30 มิถุนายน ณ สำนักรัฐบาล ข้อตกลงการค้าเสรีหรืออีวีเอทีเอฟและข้อตกลงการคุ้มครองการลงทุนหรือไอพีเอระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรืออียูได้รับการลงนามอย่างเป็นทางการหลังการเจรจาเป็นเวลา 10 ปี
พิธีลงนามข้อตกลงเอฟทีเอและไอพีเอระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป - ảnh 1พิธีลงนามข้อตกลงเอฟทีเอและอีวีไอพีเอระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป 

พิธีลงนามได้มีขึ้นโดยนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงียนซวนฟุ๊กเป็นสักขีพยาน ส่วนข้าหลวงใหญ่การค้า Cecilia Malmstrom และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประกอบธุรกิจ การค้าและสถานประกอบการโรมาเนีย Stefan Radu Oprea เป็นตัวแทนของอียู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เจิ่นต๊วนแองและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุน เหงียนชี้หยุงเป็นตัวแทนของเวียดนามในการลงนามข้อตกลงสองฉบับนี้ กล่าวปราศรัยในพิธี นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกยืนยันว่า "การลงนามข้อตกลงที่สำคัญสองฉบับนี้ได้เปิดโอกาสแห่งความร่วมมือที่กว้างขวาง รอบด้านและพัฒนาเข้มแข็งยิ่งขึ้นสำหรับเวียดนาม-อียู ตอบสนองความต้องการของทั้งประชาชนและผู้ประกอบการสองฝ่าย สหภาพยุโรปได้ถือเวียดนามเป็นหุ้นส่วนสำคัญในวิสัยทัศน์มุ่งสู่ตะวันออก เป็นประเทศที่เต็มศักยภาพเพื่อการพัฒนาอย่างคล่องตัวชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปฏิบัตินโยบายการทูตพหุภาคี เพิ่มความหลากหลายด้านความสัมพันธ์พร้อมวิสัยทัศน์ที่เข้มแข็งในการผสมผสานอย่างกว้างลึก เวียดนามยินดีร่วมมือกับยุโรป กลุ่มเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเข้มเข็งชั้นนำของโลก.

พิธีลงนามข้อตกลงเอฟทีเอและไอพีเอระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป - ảnh 2

อีวีเอฟทีเอมี 17 บรรพ 2 พิธีสารและบันทึกช่วยจำฉบับต่างๆเกี่ยวกับการค้าด้านสินค้า การค้าด้านบริการ การลงทุน การป้องกันตัวเองด้านการค้า การแข่งขัน สถานประกอบการภาครัฐ ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ซึ่งเป็นข้อตกลงรอบด้านและรักษาความสมดุลด้านผลประโยชน์ให้แก่ทั้งเวียดนามและอียู โดยให้ความสนใจถึงช่องว่างการพัฒนาระหว่างสองฝ่าย ส่วนข้อตกลงไอพีเอมีข้อกำหนดที่ทันสมัยเกี่ยวกับการคุ้มครองการลงทุนที่อำนวยความสะดวกให้แก่การบังคับใช้และการปฏิบัติผ่านระบบศาลใหม่เกี่ยวกับการลงทุนแต่รัฐบาลของทั้งสองฝ่ายยังคงสามารถรักษาผลประโยชน์ของพลเมือง ข้อตกลงไอพีเอจะใช้แทนข้อตกลงลงทุนทวิภาคีที่ 21 ประเทศสมาชิกของอียูได้ลงนามกับเวียดนาม ซึ่งจะบังคับใช้ระบบนิตินัยใหม่เพื่อยับยั้งการพิพาทด้านผลประโยชน์และเพิ่มความโปร่งใสมากขึ้น

อีวีเอฟทีเอถือเป็นข้อตกลงการค้าเสรีอย่างรอบด้าน มีคุณภาพสูงและมีสมดุลด้านผลประโยชน์ให้แก่ทั้งสองฝ่าย นอกจากประโยชน์ร่วมกับอียู อีวีเอฟทีเอยังเปิดโอกาสให้แก่การพัฒนา สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเวียดนาม การผสมผสานเข้ากับห่วงโซ่มูลค่าโลกและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก จากการลงนามข้อตกลงสองฉบับนี้ เวียดนามจะสามารถดึงดูดนักลงทุนอียูมากขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด