รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามเจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น

(VOVworld) - ทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะขยายความไว้วางใจทางการเมืองผ่านการเยี่ยมเยือนกัน การสนทนาและการพบปะสังสรรค์ในทุกระดับ โดยเฉพาะระดับสูง และส่งเสริมประสิทธิภาพของกลไกการสนทนาที่มีอยู่

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามเจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น - ảnh 1
ภาพการเจรจา (Photo: vietnamplus.vn)

(VOVworld) - ในการเจรจาระหว่างนาย ฝ่ามบิ่งมิง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามกับนาย ฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เมื่อบ่ายวันที่ 5 พฤษภาคม ณ กรุงฮานอย ทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะขยายความไว้วางใจทางการเมืองผ่านการเยี่ยมเยือนกัน การสนทนาและการพบปะสังสรรค์ในทุกระดับ โดยเฉพาะระดับสูง และส่งเสริมประสิทธิภาพของกลไกการสนทนาที่มีอยู่  นาย ฝ่ามบิ่งมิง ได้ยืนยันถึงนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือถือญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนสำคัญอันดับหนึ่งและยาวนาน  ส่วนนาย ฟูมิโอะ คิชิดะ ได้ยํ้าว่า ญี่ปุ่นให้ความสำคัญและมีความประสงค์ที่จะกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับเวียดนามให้นับวันพัฒนาตามส่วนลึกอย่างเข้มแข็งและจริงจังมากขึ้น พร้อมทั้งเห็นพ้องที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเวียดนามในภารกิจการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติและสนับสนุนการตรวจกู้กับระเบิดในเวียดนาม
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังหารือเกี่ยวกับปัญหาต่างๆในภูมิภาคและโลกที่ให้ความสนใจร่วมกัน รวมทั้งเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในฟอรั่มพหุภาคี โดยเฉพาะสหประชาชาติ อาเซียน ฟอรั่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปก ฟอรั่มความร่วมมือเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม ตลอดจนความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านในภูมิภาค หรือ RCEP และข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพี นาย ฟูมิโอะ คิชิดะ ได้ยืนยันว่า จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเวียดนามในการเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกปี 2017 ในเวียดนาม
เกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก ทั้ง 2 ฝ่ายได้แสดงความวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อสถานการณ์ในทะเลตะวันออกเมื่อเร็วๆนี้ และเห็นพ้องกันเกี่ยวกับความสำคัญของการรักษาสันติภาพ ความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินเรือและเดินอากาศอย่างเสรีในทะเลตะวันออก ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องต้องไม่มีปฏิบัติการที่เปลี่ยนแปลงสภาพเดิมและทำให้สถานการณ์ในทะเลตะวันออกมีความซับซ้อนมากขึ้น แก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธี ปฏิบัติตามกฎหมายสากล รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 และแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีอย่างจริงจังและมุ่งสู่การจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด