(Photo quochoi.vn)

ในการรายงานต่อสภาแห่งชาติ นายเหงียนวันเหย่า หัวหน้าคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์สภาแห่งชาติได้เผยว่า ซีพีทีพีพีจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมหลังจากที่ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ 6 ที่ให้สัตยาบันข้อตกลงฉบับดังกล่าว ส่วนอีก 4 ประเทศคือบรูไน ชิลี มาเลเซียและเปรูพร้อมกับเวียดนามกำลังอยู่ในกระบวนการให้สัตยาบันข้อตกลงฉบับนี้

มติฯได้ระบุอย่างชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบในการให้สัตยาบันและชี้นำสำนักงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางและท้องถิ่นปฏิบัติตามข้อตกลงซีพีทีพีพี เน้นถึงการฝึกอบรมแหล่งบุคลากรให้สามารถใช้ประโยชน์จากซีพีทีพีพี จัดทำและปฏิบัติมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบในทางลบที่อาดเกิดขึ้นในขณะที่ปฏิบัติข้อตกลงซีพีทีพีพี เผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์เนื้อหาของข้อตกลงฉบับนี้ให้มีความเข้าใจไปในทางเดียวกันและการปฏิบัติของระบบการเมือง สถานประกอบการและประชาชนเวียดนามเกี่ยวกับการเข้าร่วมข้อตกลงฉบับนี้

ส่วนในช่วงเช้า สภาแห่งชาติได้ลงคะแนนอนุมัติมติปรับปรุงแผนการลงทุนภาครัฐระยะกลางช่วงปี 2016-2020 โดยอนุมัติให้เพิ่มเงินทุนจากต่างประเทศจาก 300 ล้านล้านด่งขึ้นเป็น 360 ล้านล้านด่ง ลดเงินกู้ภายในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการในการเบิกจ่ายเงินสำหรับโครงการที่ใช้เงินทุนจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ มติยังปรับลดเงินทุนสำหรับโครงการสำคัญของประเทศจาก 80 ล้านล้านด่งเหลือ 70 ล้านล้านด่งเพื่อนำส่วนลด 10 ล้านล้านด่งไปใช้ในโครงการป้องกันและรับมือภัยธรรมชาติ ซ่อมแซมทำนบริมฝั่งทะเลและแม่น้ำ อพยพประชาชนเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่นน้ำท่วมและดินถล่ม เป็นต้น นายเหงียนดึ๊กหาย หัวหน้าคณะกรรมาธิการการเงินและงบประมาณของสภาแห่งชาติระบุว่า “ในสภาวการณ์ที่เงินทุนสำหรับการลงทุนภาครัฐมีไม่มากนัก โดยต่ำกว่างบประมาณที่ต้องใช้หลายเท่า การที่สภาแห่งชาติอนุมัติงบประมาณสำรองให้แก่ระยะปี 2016-2020ไม่เกิน 2 พันล้านล้านด่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อเสริมเงินทุนแก้ไขปัญหาโครงสร้างต่างๆที่ถูกระบุในแผนการลงทุนภาครัฐระยะกลางที่ยังขาดทุนเพื่อเสร็จสิ้นการก่อสร้าง ช่วยให้โครงสร้างเหล่านี้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็วและเสริมเงินทุนแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่เกิดขึ้นในกระบวนการปฏิบัติ”

ในเช้าวันเดียวกัน สภาแห่งชาติได้หารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายบริหารภาษีฉบับแก้ไขและร่างกฎหมายการลงทุนภาครัฐฉบับแก้ไขและเพิ่มเติม.