รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝ่ามบิ่งมิงห์เจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและวิเทศสัมพันธ์อิตาลี Enzo Moavero Milanesi (Photo VNplus)

ในเช้าวันที่ 7 พฤษภาคม ณ กรุงฮานอย ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันว่า จะขยายการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนและการพบปะในทุกระดับ โดยเฉพาะระดับสูง ธำรงและปฏิบัติกลไกการสนทนาเชิงยุทธศาสตร์ระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ การสนทนานโยบายด้านกลาโหมระดับรัฐมนตรีช่วยและคณะกรรมการผสมเกี่ยวกับความร่วมมือเวียดนาม-อีตาลี โดยทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันที่จะลงนามแผนปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – อิตาลีระยะปี 2019-2020

ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและวิเทศสัมพันธ์อิตาลี Enzo Moavero Milanesi ได้ยืนยันว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจคือด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในความร่วมมือทวิภาคีและให้คำมั่นว่า จะขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนกับเวียดนาม ซึ่งเป็นหุ้นส่วนสำคัญชั้นนำของอิตาลีในอาเซียนให้มากขึ้น ส่วนรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม ฝ่ามบิ่งมิงห์ได้ชื่นชมสถานประกอบการอิตาลีที่ได้เข้าลงทุนในเวียดนามในด้านที่เวียดนามมีความต้องการและเป็นจุดแข็งของอิตาลี เช่น เครื่องจักรกล สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป วัสดุก่อสร้าง พลังงาน การขุดเจาะปีโตรเลียม เป็นต้น พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลอิตาลีอำนวยความสะดวกให้สินค้าเวียดนามเจาะตลาดค้าปลีกในอิตาลีมากขึ้น

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องผลักดันให้อียูลงนามข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอียูหรืออีวีเอฟทีเอโดยเร็วเพื่อผลประโยชน์ของสถานประกอบการทั้งสองประเทศ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ามบิ่งมิงห์เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศอิตาลีสนับสนุนเวียดนามในการอนุรักษ์มรดกต่างๆต่อไป เพิ่มทุนการศึกษาและร่วมมือในโครงการวิจัยต่างๆกับเวียดนามมากขึ้นเพื่อให้วิทยาศาสตร์ – เทคโนโลยีกลายเป็นด้านความร่วมมือที่ได้รับความสนใจพิเศษในเวลาข้างหน้า

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องประสานงานอย่างใกล้ชิดในฟอรั่มและองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบของสหประชาชาติ อาเซม อียู – อาเซียนและยูเนสโก สนับสนุนความสัมพันธ์เวียดนาม –อียูและความสัมพันธ์ระหว่างอิตาลีกับประเทศต่างๆในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่เวียดนามจะดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนอาเซียนในปี 2020 และกำลังชิงตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับบทบาทสำคัญของการธำรงสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง การเดินเรือและการบินอย่างเสรีและปลอดภัยในทะเลตะวันออก ยืนยันหลักการให้ความเคารพกฎหมายและย้ำถึงจุดยืนสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธีตามกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982.