(VOVWORLD) - เพื่อสานต่อความสำเร็จของงาน Taste of Thailand ปี 2017 ปีนี้ สถานทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้จัดงาน Taste of Thailand เป็นเวลา 10วัน ณ โรงแรม Deawoo ซึ่งดึงดูดความสนใจของประชาชนกรุงฮานอยจำนวนมากเนื่องจากแม้ที่กรุงฮานอยจะมีร้านอาหารไทยค่อนข้างมาก เช่น Thai express Gusto Thai และSawasdee แต่ฝ่ายจัดงานได้บอกว่า ผู้ที่มาร่วมงานจะได้ลิ้มรสชาติอาหารไทยแท้ๆตามต้นตำหรับโดยทีมเชฟจากประเทศไทย รวมทั้งเมนูต่างๆที่ไม่สามารถหาทานในร้านอาหารไทยที่กรุงฮานอยได้ ในรายการชายคาอาเซียนของเราวันนี้ ขอเชิญคุณผู้ฟังร่วมกับผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามเข้าร่วมกิจกรรมนี้ที่กำลังมีขึ้น ณ โรงแรม Deawoo นะคะ
 บรรยากาศในงาน |
เวลา 18.30 น. ของวันพฤหัสฯ. แม้จะมีฝนตกค่อนข้างหนัก แต่ที่ห้องอาหารชั้นหนึ่งของโรงแรม Deawoo ที่สามารถรองรับลูกค้าได้หลายร้อยคน มีบรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมากเพราะได้มีการจัดงาน Taste of Thailand โดยเมนูอาหารไทยเด่นๆที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามและผลไม้แกะสลักแบบไทยโดยช่างแกะสลักผลไม้จากไทยได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาเข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก ส่วนการแต่งเพดานในห้องอาหารด้วยโคมไฟล้านนาสีเหลืองจากเชียงใหม่ได้ช่วยเพิ่มสีสันวัฒนธรรมให้แก่สถานที่จัดงาน โดยเฉพาะทีมเชฟจากประเทศไทยและกลิ่นหอมของอาหารจากห้องครัวเล็กๆในห้องอาหารทำให้ผู้ร่วมงานรู้สึกตื่นเต้นมาก
“เชฟจัดจานได้สวย ดูดี ดิฉันชอบกินผัดไทยเพราะมีซอสที่อร่อยๆ ส่วนการทำผัดไทก็มีหลายขั้นตอน เช่น นำเส้นผัดไทไปผัดกับน้ำมัน โดยต้องผัดไม่ให้เละหรือไหม้ หลังจากนั้นใส่ต้นกุ้ยช่าย เต้าหู้ทอดและกุ้ง แล้วใส่ไข่ 1-2ฟองผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันก็จะได้เมนูผัดไท”
“ดิฉันได้ลองชิมยำใบชะพลู ผัดไท ยำทะเลรวมมิตรและอีกหลายเมนู ซึ่งอร่อยมากเพราะเชฟได้ผสมวัถุดิบและเครื่องปรุงต่างๆเช่น น้ำปลา ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด กะทิและพริกได้เข้ากัน อาหารมีสีสันสดใสวางบนจานเล็กๆพอดีคำ”
“ของหวานไทยอร่อยมากค่ะเพราะมีกลิ่นใบเตยและกะทิ ซึ่งหอมและอร่อยมาก”
 เมนูอาหารไทย |
เมนูส่วนใหญ่ถูกปรุงไว้เสร็จก่อนหน้านี้แล้ว แต่มีเมนูเด่น 3 อย่างได้แก่ส้มตำ ผัดไทและก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยที่ปรุงกันสดๆในงานเพื่อเสริฟให้แก่ลูกค้า คุณ ญาณัช มะอาจเลิศ อาจารย์สอนทำอาหารที่โรงเรียนการอาหารนานาชาติสวนดุสิตสังกัดมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ซึ่งเป็นหนึ่งในเชฟรับเชิญมาร่วมงานครั้งนี้ได้เผยว่า “สำหรับวันนี้ก็คือว่า ได้แนะนำวิธีทำส้มตำให้ทุกคนได้รู้ว่า การทำส้มตำไม่ได้ยากเหมือนที่ทุกคนคิด ก็คือสามารถทำได้ง่าย อยู่ที่ว่า เรารู้จักวิธีการประกอบ แค่นั้นเอง”
การได้ดูอาจารย์ญาณัช มะอาจเลิศทำส้มตำทำให้ผู้ร่วมงานอย่างนาย Rayendra ชาวอินโดนีเซียที่กำลังทำงานในกรุงฮานอยและนาง แทงเหวี่ยน อาศัยในเขตหว่านเกี๊ยมรู้สึกประทับใจมาก
“การได้ดูเชฟทำอาหารสดๆเปรียบเหมือนการได้เรียนทำอาหารฟรี เชฟได้ทำอาหารแบบดั้งเดิม ซึ่งน่าสนใจมากครับ”
“การกินส้มตำจะช่วยลดความเลี่ยนจากเมนูเนื้อต่างๆเนื่องจากมีรสเปรี้ยวของน้ำมะนาว มะเขือเทศ รวมทั้งมีกุ้งแห้ง น้ำปลาและน้ำตาลที่ผสมกันอย่างลงตัว”
การปรุงโดยเชฟจากไทยทำให้อาหารมีรสชาติไทยแท้ ดูน่ารับประทานและรสชาติถูกปากคนเวียดนาม รวมทั้งคนที่เคยกินอาหารไทยที่ประเทศไทยแล้ว
“ดิฉันมักจะกินอาหารไทยที่เมืองไทย เมนูอาหารในวันนี้คืออาหารภาคเหนือ ซึ่งมีรสชาติเหมือนที่ดิฉันเคยกินที่ประเทศไทยก่อนหน้านี้”
“ดิฉันเคยกินอาหารไทยหลายครั้งแล้ว เมนูอาหารภาคเหนือ เช่น แคบหมูกับน้ำพริกหนุ่ม อร่อยมาก ดิฉันชอบมาก ส่วนต้มยำกุ้งแม้จะเผ็ดนิดหนึ่งแต่ก็ถูกปากค่ะ”
 นาง วันทนีย์ วิพุธวงศ์สกุล อุปทูตไทยประจำเวียดนามกับทีมเชฟผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยสวนดุสิตมาร่วมประกอบอาหารภาคเหนือและภาคกลางไทย |
ความชื่นชอบของผู้ที่มาเข้าร่วมงานคือเป้าหมายที่คณะกรรมการจัดงานมุ่งเน้นเพื่อทำให้อาหารไทยกลายเป็นที่รู้จักของของประชาชนเวียดนามและชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น นาง วันทนีย์ วิพุธวงศ์สกุล อุปทูตไทยประจำเวียดนามได้เผยว่า
“ในเมืองไทย อาหารเวียดนามเป็นที่นิยมของคนไทยมากเลย มีร้านอาหารเวียดนามมากมาย ที่ฮานอย มีไม่กี่ร้านที่เป็นร้านอาหารไทย เพราะฉะนั้น ก็เลยนำเชฟจากเมืองไทยมาทำอาหารไทยแท้ๆให้คนเวียดนามได้ชิมค่ะ เราเพิ่งจัดงานไปปีที่แล้วเป็นครั้งแรก ปีนี้เป็นปีที่สอง แต่เราคิดว่าประสบผลสำเร็จด้วยดี ทุกคนชื่นชอบอาหารไทย เราคิดว่า เราจะจัดกิจกรรมนี้ทุกปี”
นี่คือข่าวดีสำหรับคนที่ชอบกินอาหารไทยในกรุงฮานอย ส่วนสำหรับคุณผู้ฟังที่กำลังอยู่ที่กรุงฮานอยโดยบังเอิญ อย่าลืมแวะมากินอาหารไทย ณ โรงแรม Deawoo นะคะเพราะงาน Taste of Thailand จะจัดไปจนถึงวันที่ 26 สิงหาคมค่ะ.