เหงียนกวางวิงห์ ผู้เขียนเรื่องชีวิตท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ วีรชนของประชาชาติลาว

(VOVWORLD) - “ท่อตู้ ยาไซชู่” เป็นหัวเรื่องของหนังสือบันทึกเรื่องชีวิตและชัยชนะที่โด่งดังของท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ วีรชนของประชาชนลาว ซึ่งไม่ยอมก้มหัวให้กับฝรั่งเศสที่บุกมายึดเมืองโดยท่อตู้ ยาไซชู่ ได้จัดตั้งกองกำลังจรยุทธชาวม้งเพื่อต่อสู้ขับไล่กองทัพฝรั่งเศส นี่คือผลงานแรกที่ได้ตีพิมพ์เป็นสามภาษา เวียดนาม ลาวและอังกฤษของนักเขียนชาวเวียดนาม เหงียนกวางวิงห์
เหงียนกวางวิงห์ ผู้เขียนเรื่องชีวิตท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ วีรชนของประชาชาติลาว - ảnh 1นักเขียนเหงียนกวางวิงห์ 

นักเขียนเหงียนกวางวิงห์ได้รอรับเราด้วยรอยยิ้มที่อารีในชุดเสื้อผ้าที่เรียบง่าย แม้อยู่ในวัย 60 แต่เขาก็ยังดูแข็งแรงว่องไว ผิวสีแทนเนื่องจากเป็นชาวจังหวัดริมฝั่งทะเลกว๋างบิ่งห์ ภาคกลางประเทศเวียดนาม

นักเขียนเหงียนกวางวิงห์ได้เชิญพวกเราดื่มชาร้อนๆ พร้อมได้พูดคุยเรื่องความทรงจำตอนที่เดินทางไปถึงหมู่บ้านสามแจ เมืองหนองแฮด แขวงเชียงขวาง ประเทศลาว ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของชาวม้งตระกูล “ยา” บนยอดเขา 

เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อน ที่ด้วยความเฉลียวฉลาดและกล้าหาญ ท่อตู้ ยาไซชู่ ได้พากองพันที่ 2 ฝ่าการปิดล้อมของศัตรูและเดินผ่านป่าเขากลับฐานที่มั่นในเขตชายแดนเวียดนาม – ลาวอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นการเดินทัพและต่อสู้ที่สร้างนิมิตหมายลึกซึ้งครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การปฏิวัติลาว โดยเฉพาะของกองทัพประเทศลาว นักเขียน เหงียนกวางวิงห์ กล่าวถึงเหตุผลของการเขียนหนังสือเล่มนี้ว่า            “มีเหตุผลสองประการคือ ท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ เป็นหนึ่งในผู้วางรากฐานเพื่อก่อตั้งกองทัพลาว และสองคือท่านมีผลงานยอดเยี่ยมต่างๆในช่วงปี 1954 ซึ่งชนกลุ่มน้อยเผ่าม้งในแขวงเชียงขวาง และเมืองซำเหนือประเทศลาวต่างก็รู้จักเหมือนเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในช่วงนั้น แต่หลังจากที่ท่านถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 1961 ในตลอด 30-40 ปี คนส่วนใหญ่ไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของท่าน ผมต้องหาข้อมูลในเอกสารของทั้งสองประเทศมีส่วนที่เขียนเกี่ยวกับกองพันที่ 2 ของท่านและข้อมูลเกี่ยวกับชีวิต ภารกิจและการสละชีพของท่านแต่มีไม่มากนัก”

เหงียนกวางวิงห์ ผู้เขียนเรื่องชีวิตท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ วีรชนของประชาชาติลาว - ảnh 2 หนังสือบันทึกเรื่องชีวิตและชัยชนะที่โด่งดังของท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่

มีบางช่วงที่การค้นหาข้อมูลประสบอุปสรรค แต่ยิ่งตั้งใจค้นหาศึกษาข้อมูลประวัติศาสตร์ นักเขียนกวางวิงห์ก็ยิ่งซาบซึ้งในไมตรีจิตมิตรภาพที่ใกล้ชิดผูกพันของคนรุ่นต่างๆที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ระหว่างเวียดนามกับลาวและเขาก็ยิ่งทุ่มเทกับงานชิ้นนี้ด้วยการพบปะพูดคุยกับพยานที่เหลืออยู่ไม่กี่คน หาข้อมูลจากเอกสาร หนังสือพิมพ์เก่าและเชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่ไม่มากแต่มีคุณค่ามากเกี่ยวกับชีวิตของท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่            “ตอนแรกที่ผมไปเก็บข้อมูลที่ประเทศลาว ก็ไม่รู้จะต้องหาใครถามใครและไปที่ไหน จึงต้องกลับไปหาใหม่ ซึ่งโชคดีที่เจอคุณ อานง ซึ่งเป็นน้องชายของคุณ ปานี ยาท่อตู้ ลูกสาวของท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ ผมและคุณอานงจึงเริ่มค้นหาข้อมูลอีกครั้งที่บ้านเกิดของท่านแล้วก็โชคดีที่ได้เจอคุณปู่ทวดวัย 95 ปี ซึ่งตอนนั้นเขาอายุ 16 ปีรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานของท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ ในอดีต ซึ่งเขาได้เล่าให้พวกเราฟังเกี่ยวกับชีวิตการเคลื่อนไหวปฏิวัติของท่านท่อตู้ ยาไซชู่ ซึ่งนี่คือหลักฐานและแหล่งข้อมูลที่มีค่า”

แต่อย่างไรก็ตาม การวางเนื้อเรื่องเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อ่านก็เป็นเรื่องที่นักเขียนกวางวิงห์ต้องใช้เวลาในการคิดวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด            “ผมอยากเขียนเรื่องเล่าชีวิตของท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ ตามรูปแบบวรรณกรรมแต่เล่าเรื่องจริง ตั้งแต่ท่านเกิดและเติบโต แต่หลังจากที่เขียนโครงร่างเสร็จแล้วก็เห็นว่า เพื่อให้หนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยม ก็ต้องแปลเป็นภาษาลาวและอังกฤษด้วย แม้การแปลเป็นภาษาลาวหรืออังกฤษจะไม่เพราะเหมือนการเขียนวรรณกรรมในภาษาเวียดนามแต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ผู้อ่านชาวลาวสามารถเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์นั้นอย่างถูกต้อง”

เหงียนกวางวิงห์ ผู้เขียนเรื่องชีวิตท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ วีรชนของประชาชาติลาว - ảnh 3 ลงนามในหนังสือมอบให้แก่ผู้อ่าน

หลังการเตรียมพร้อมเป็นเวลา 3 เดือน ต้นปี 2018 เรื่องเล่าชีวิต ท่อตู้ ยาไซชู่ ได้รับการเปิดตัว โดยไม่เพียงแต่เล่าเรื่องจริงเกี่ยวกับชีวิต ครอบครัวและชัยชนะของท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ และเพื่อนร่วมรบเท่านั้น หากยังสร้างภาพลักษณ์ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องระหว่าง ท่อตู้ ยาไซชู่และสหายกับทหารอาสาเวียดนาม โดยเฉพาะระหว่างท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ กับพลตรี โงเท้เซิน ผู้บัญชาการกองกำลังทหารอาสาเวียดนามในภาคเหนือ ประเทศลาวและได้กลายเป็นบทเพลงแห่งมิตรไมตรีระหว่างกองทัพของสองประเทศ            “ดิฉันรู้สึกแปลกใจเมื่อได้อ่านเรื่องเล่าชีวิตนักปฎิวัติลาวที่เขียนโดยนักเขียนเวียดนาม หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเกี่ยวกับบุคลิกภาพของนักปฏิวัติลาวเท่านั้น หากยังช่วยให้คนรุ่นใหม่ทั้งเวียดนามและลาวมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างสองประเทศ”  “ผมคิดว่า หนังสือเล่มนี้มีความหมายทางประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ซึ่งถือเป็นบทเรียนอันล้ำค่าที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่อย่างพวกเรามีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการต่อสู้ที่กล้าหาญและการสละชีพเพื่อชาติของท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ ในประวัติศาสตร์การปฏิวัติของลาว”

หลังจากที่ท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ สละชีพเพื่อชาติ ตามคำสาบานเมื่อกลายเป็นพี่น้อง พลตรี โงเท้เซิน และครอบครัวได้ให้การดูแลช่วยเหลือลูกๆของท่าน ท่อตู้ ยาไซชู่ ให้เติบโต ได้เรียนหนังสือจนจบมหาวิทยาลัยในประเทศเวียดนาม ซึ่งขณะนี้ก็กำลังดำรงตำแหน่งต่างๆในประเทศลาว เช่น นาง ปานี ยาท่อตู้ สมาชิกกรมการเมืองพรรคและประธานรัฐสภาลาวคนปัจจุบัน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด