เที่ยวนินห์ บิ่นห์-ผืนดินแห่งราชธานีในอดีต

( VOVworld )-ผืนดินนินห์ บิ่นห์ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนามมีทัศนียภาพที่สวยสดงดงามหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น ทัศนียภาพทางธรรมชาติจ่างอาน-ตามก๊ก-บิ๊กด่งห์ โบสถ์ฟ้าตเหยี่ยมและอุทยานแห่งชาติกุ๊กเฟือง นินห์บิ่นห์ยังเป็นราชธานีแห่งแรกของเวียดนามก่อนหน้านี้กว่า ๑,๐๐๐ปีก่อนที่กษัตริย์หลี ท้าย โต๋ ย้ายราชธานีมาตั้งอยู่ที่กรุงทังลองหรือกรุงฮานอยในปัจจุบัน


( VOVworld )-ผืนดินนินห์ บิ่นห์ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนามมีทัศนียภาพที่สวยสดงดงามหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น ทัศนียภาพทางธรรมชาติจ่างอาน-ตามก๊ก-บิ๊กด่งห์ โบสถ์ฟ้าตเหยี่ยมและอุทยานแห่งชาติกุ๊กเฟือง นินห์บิ่นห์ยังเป็นราชธานีแห่งแรกของเวียดนามก่อนหน้านี้กว่า ๑,๐๐๐ปีก่อนที่กษัตริย์หลี ท้าย โต๋ ย้ายราชธานีมาตั้งอยู่ที่กรุงทังลองหรือกรุงฮานอยในปัจจุบัน

นินห์บิ่นห์อยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางทิศใต้ประมาณ ๙๐ กิโลเมตร มีภูมิประเทศที่มีทั้งภูเขา ที่ราบสูง ที่ราบริมฝั่งทะเลและที่ราบลุ่ม ดังนั้นจึงมีภูมิอากาศที่หลากหลายและเป็นแหล่งอาศัยของพืชและสัตว์นานาพันธุ์ที่หายากที่ถูกระบุในสมุดปกแดงของเวียดนามและโลก  มีอุทยานใหญ่หลายแห่งที่เป็นแหล่งชีวะนานาพันธุ์ของโลกได้แก่ อุทยานกุ๊กเฟือง อุทยานเวินลอง ฮวาลือและป่าดงกิมเซิน

เที่ยวนินห์ บิ่นห์-ผืนดินแห่งราชธานีในอดีต - ảnh 1

ผืนดินนินห์บิ่นห์ถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาหินปูนใหญ่ที่เปรียบเสมือนกำแพงป้องกันที่มั่นคง จึงได้ถูกเลือกเป็นที่ตั้งราชธานีของ ๓ ราชวงศ์ดินห์ เลและหลีตั้งแต่ปีค.ศ.๙๖๘ถึงปีค.ศ.๑๐๑๐ และได้รับฉายาว่า ราชธานีหินด้วย  เขตโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ราชธานีฮวาลือตั้งอยู่ในบริเวณสถานที่ทัศนียภาพจ่างอานและมีพื้นที่ ๑๓.๘๗กิโลเมตรซึ่งมีร่องรอยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การต่อสู้กับข้าศึกซ่งและปราบข้าศึกเจียมเพื่อรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการย้ายราชธานีมาอยู่ที่กรุงฮานอยตลอดจนวัดวาอาราม ศาลเจ้าและฮวงซุ้ย  ก่อนหน้านี้กว่า ๑๐๐๐ ปี ณ ที่แห่งนี้มีทุ่งต้นอ้อซึ่งเป็นสถานที่ที่วีระบุรุษดินห์ โบ่ หลินบัญชาการปราบกบฏใน ๑๒ แคว้นรวมประเทศเป็นปกแผ่น ต่อมาท่านขึ้นครองราชสมบัติในปีค.ศ.๙๖๘และตั้งราชธานีที่ฮวาลือซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของประเทศด่ายโก่เหวียด  ปัจจุบัน ณ ที่นี่ยังสามารถพบเห็นร่องรอยของราชธานีฮวาลือในอดีตตามวัดวาอารามต่างๆ  คุณโด่หงอกแอ๊ง ไกด์นำเที่ยวเปิดเผยว่า  “ วิหารบูชาราชวงศ์ดินห์และเลในบริเวณราชธานีฮวาลือสะท้อนสถาปัตยกรรมและศิลปะการแกะสลักไม้อย่างประณีตตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๗ ซึ่งนอกจากห้องบูชาแล้ว ยังมีห้องจัดแสดงสิ่งของวัตถุก่อนหน้านี้กว่า ๑,๐๐๐ ปี แต่เห็นมากที่สุดคือเศษถ้วยดินเผาซึ่งเป็นของใช้ในงานเลี้ยงของกษัตริย์ดิงห์เมื่อรบชนะข้าศึก  สิ่งของวัตถุแต่ละชิ้นล้วนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศระยะหนึ่ง

เที่ยวนินห์ บิ่นห์-ผืนดินแห่งราชธานีในอดีต - ảnh 2
ศาลเจ้าบูชากษัตริย์ดินห์

เขตนิเวศวิทยาจ่างอานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางธรรมชาติของโลกจากองค์การยูเนสโกและเขตท่องเที่ยวตามก๊ก-บิ๊กด่งที่ได้ชื่อว่า อ่าวฮาลองบนบกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวนินห์ บิ่นห์  ล่องเรือบนแม่น้ำส่าวเคที่ไหลลัดเลาะตามเทือกเขานักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวชมตามก๊ก-บิ๊กด่งและเขตนิเวศวิทยาจ่างอานผ่านเทือกเขาหินปูนสูงตระหง่าน ทุ่งหญ้าและลำน้ำต่างๆทั้งนี้ได้สร้างบรรยากาศที่สวยงามและแสนโรแมนติก  ที่นี่มีถ้ำน้อยใหญ่หลากหลายรูปแบบพร้อมหินงอกหินย้อยหลากหลายสีสันของถ้ำโต๊ย ถ้ำซ้างและถ้ำNau Ruou นายโห่เหวียดเกื่อง นักท่องเที่ยวชาวฮานอยที่เคยไปเที่ยวฟองญา-แก๋บ่างและอ่าวฮาลองมีความรู้สึกเกี่ยวกับจ่างอานว่า  “ ล่องเรือตามสายน้ำเล็กๆผ่านถ้ำต่างๆ  เมื่อเรือแล่นลึกเข้าไปในถ้ำก็รู้สึกตื่นเต้นมากและกลัวด้วย แต่ความกลัวก็ค่อยๆหายไป  ความรู้สึกชอบและรู้สึกเหมือนเรากำลังเที่ยวแบบผจญภัยเข้ามาแทนที่  ทุกคนต่างพยายามเอามือแตะหินย้อยรับหยดน้ำเย็นที่ไหลลงมา สิ่งที่น่าประทับใจคือ ถ้ำและลุ่มน้ำสลับกันดังนั้นเมื่อผ่านถ้ำหนึ่งก็จะถึงลุ่มน้ำอีกแห่งหนึ่ง ส่วนภูเขาหินก็เติมแต่งให้ทัศนียภาพที่นี่ดูสวยงามมากขึ้น น้ำในลำใสและสะอาดจนสามารถมองเห็นพืชน้ำต่างๆที่ก้นแม่น้ำได้

เที่ยวนินห์ บิ่นห์-ผืนดินแห่งราชธานีในอดีต - ảnh 3
เรือแจวพานักท่องเที่ยวลอดถ้ำต่างๆ

ที่ผืนดินนินห์บิ่นห์ยังมีเขตท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณภูเขาวัดบ๊ายดิ๊งห์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงของเวียดนามและเป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย ซึ่งประกอบด้วยวัดบ๊ายดิ๊งห์เก่าและเขตวัดบ๊ายดิ๊งห์ใหม่ที่ถือว่าใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  วัดถูกก่อสร้างในพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์ซึ่งก่อนหน้านี้ วีระบุรุษดิงห์โบ่หลินกับทหารบ้านได้จัดพิธีบวงสรวงก่อนออกศึกและงานเลี้ยงเหล่าทหารเมื่อสามารถปราบข้าศึกออกจากประเทศได้อย่างสิ้นเชิง

นินห์บิ่นห์ในปัจจุบันยังคงอนุรักษ์งานฝีมือซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านหลายสาขาอาชีพเช่น ปักฉลุ ทอเสื่อกกกิมเซิน แกะสลักหินนินห์เวิน อาชีพช่างไม้ฟุกหลกและจักสานเวินลอง  ผลิตภัณฑ์จากฝีมือของชาวบ้านประณีต สวยงามและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงได้รับการอุดหนุนจากนักท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสายเพื่อเป็นของฝากให้ทางบ้านและเพื่อนๆ ./.

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด