แวะเยือนราชธานีเว้-เมืองในฝัน

( VOVworld )- ตั้งแต่ปีค.ศ.๑๕๕๙-๑๙๔๕ เว้เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์เตย เซินและเมืองหลวงของราชวงศ์เหงวียน ๑๓ พระองค์ ผ่านระยะต่างๆทางประวัติศาสตร์ ๔ พันปีที่มีการเปลี่ยนแปลง ราชธานีเว้ในอดีตได้กลายเป็นมรดกวัฒนธรรม เป็นโบราณสถานที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นและมีทัศนียภาพที่สวยสดงดงาม  จากความงดงามที่หาที่อื่นไม่ได้ เว้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมของโลกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก ทั้งนี้ทำให้โบราณสถานราชธานีเว้กลายเป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยว


( VOVworld )- ตั้งแต่ปีค.ศ.๑๕๕๙-๑๙๔๕ เว้เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์เตย เซินและเมืองหลวงของราชวงศ์เหงวียน ๑๓ พระองค์ ผ่านระยะต่างๆทางประวัติศาสตร์ ๔ พันปีที่มีการเปลี่ยนแปลง ราชธานีเว้ในอดีตได้กลายเป็นมรดกวัฒนธรรม เป็นโบราณสถานที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นและมีทัศนียภาพที่สวยสดงดงาม  จากความงดงามที่หาที่อื่นไม่ได้ เว้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมของโลกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก ทั้งนี้ทำให้โบราณสถานราชธานีเว้กลายเป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยว
แวะเยือนราชธานีเว้-เมืองในฝัน - ảnh 1
สะพานเจื่องเตีื่ยนข้ามแม่น้ำเฮืองหรือแม่น้ำหอม

 กรุงเก่าเว้ จังหวัดเถื่อ เทียน-เว้ภาคกลางตอนใต้ของประเทศเวียดนามตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเฮืองหรือแม่น้ำหอมและยังคงเก็บรักษามรดกวัฒนธรรมรูปธรรมและนามธรรมที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและศิลปะ ซึ่งโดดเด่นคือพระราชวัง วัง ศาลเจ้าและเจดีย์ที่สร้างอย่างวิจิตรพิศดารและตกแต่งอลังการ ฮวงซุ้ยที่ใหญ่โตและศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนทัศนียภาพแบบโบราณที่มีความเงียบสงัด  แต่เมื่อเอ่ยถึงเมืองหลวงเก่าเว้ต้องกล่าวถึงจุดเด่นของมันคือ ความงดงามของสถาปัตยกรรมกำแพงชั้นนอก พระราชวังชั้นในและกำแพงต้องห้ามหรือตื่อ เกิ๊ม แถ่ง พระราชวังแต่ละชั้นจะถูกล้อมรอบด้วยกำแพงรวมสามชั้น  กำแพงเหล่านี้เป็นการผสานสถาปัตยกรรมของตะวันออกและตะวันตกอย่างกลมกลืนโดยด้านหลังอิงภูหงือ บิ่นห์ หันหน้าไปยังแม่น้ำเฮืองหรือแม่น้ำหอม และยังมีเกาะหยา เวียนและเกาะโบก แทง พระราชวังชั้นในมีความยาวทั้งสิ้น ๖๐๐ เมตร มีประตู ๔ ช่องรวมถึงประตูหงอ โมน ซึ่งประตูหงอ โมนถือเป็นสัญลักษณ์ของราชธานีเว้ ประตูหงอ โมนสงวนไว้เป็นทางเสด็จพระราชดำเนินและเป็นเขตปกครองสูงสุดของราชวงศ์เหงวียน  เข้าไปข้างในชั้นถัดมาซึ่งเป็นชั้นในสุดเป็นเขตส่วนพระองค์ของจักรพรรดิและพระญาติพระวงศ์ทั้งหลาย ไกลออกไปทางทิศตะวัตกของราชธานีเว้คือฮวงซุ้ยของกษัตริย์เหงวียนหลายพระองค์ที่ตั้งอยู่สองฝั่งแม่น้ำเฮือง  ฮวงซุ้ยเหล่านี้ถือเป็นผลงานสถาปัตยกรรมที่มีความกลมกลืนกับทัศนียภาพและมีเอกลักษณ์ของเวียดนาม ฮวงซุ้ยแต่และแห่งสะท้อนชีวิตและบุคลิกของกษัตริย์แต่ละพระองค์เช่น ฮวงซุ้ยของกษัตริย์ยา ลองตั้งตระหง่านกลางป่าเขาแต่มีความเรียบง่าย ฮวง ซุ้ยของกษัตริย์มินห์ หม่างอลังการกลางป่าเขาและสระ ฮวงซุ้ยเถี่ยว ตริ่ศักดิ์สิทธิ์และว้าเหว่กลางทุ่งนาร้าง  ฮวงซุ้ยเหล่านี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดยแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศหลายแสนคนมาเที่ยวชมอย่างไม่ขาดสาย

แม่น้ำเฮืองไหลผ่านด้านหน้าพระราชวังเว้สร้างความโรแมนติกและความสวยสดงดงามให้แก่เว้ แม่น้ำเฮืองยังเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำหลักและถือเป็นกำแพงป้องกันพระราชวังเว้ แม่น้ำเฮืองกับภูหงือ บิ่นห์เติมแต่งความสวยงามแบบตะวันออกให้แก่เว้ยิ่งนัก  นายเหงวียน ซวน หว่า ชาวเว้กล่าวถึงแม่น้ำเฮืองอย่างภาคภูมิว่า  “ แม่น้ำเฮืองถือเป็นมรดกที่ธรรมชาติบันดาลให้เว้เพราะมีน้ำใสเขียวดั่งมรกต ความสวยงามหลากหลายและสร้างอารมณ์สุนทรีย์ในการแต่งบทกลอนเกี่ยวกับแม่น้ำเฮือง

แม่น้ำเฮืองไหลจากเทือกเขาเจื่อง เซินผ่านป่าเขามีความงามแบบธรรามชาติ เมื่อไหลเข้าเขตที่ราบผ่านตัวเมืองแม่น้ำเฮืองกลายเป็นแม่น้ำสายไหม เมื่อบรรจบกับแม่น้ำสายใหญ่ ณ ฟ้า ตาม ยางแม่น้ำเฮืองได้กลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ ”

แม่น้ำเฮืองไหลเอื่อยผ่านหมู่บ้านที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้พร้อมกลิ่นหอมจากดอกไม้ของเว้ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้าน กีมลอง เหงวียตเบี่ยว หวีหยา ดงบา ยาโห่ย เจ่อยิง นามโฝและบาววินห์ เรือท่องเที่ยววิ่งบนแม่น้ำเฮืงพานักท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ของราชธานีพร้อมฟังดนตรีละครใน เสียงเพลงพื้นบ้านเว้ที่ไพเราะเสนาะหู อันเป็นการเชื้อเชิญนักท่องเที่ยวที่มาแล้วให้อยากกลับมาอีก

สะพานเจื่อง เตี่ยนข้ามแม่น้ำเฮืองมีอายุกว่า ๑๐๐ปี ที่เป็นสัญลักษณ์ของราชธานีและเป็นสะพานที่ฝรั่งเศสสร้างแห่งแรกในอินโดจีนที่มีคุณค่าทางวิจิตรศิลป์และเป็นผลงานทางวิทยาศาสตร์ของสมัยนั้น  สะพานเจื่องเตี่ยนถูกเปรียบเทียบเป็นบทร้อยกรองแห่งเว้ แม่น้ำเฮืองและสะพานเจื่อง เตี่ยนได้เข้าสู่ผลงานวรรณกรรมของนักเขียน กวีและนักแต่งเพลงหลายท่าน นายฟาน ถ่วน อาน นักวิจัยเกี่ยวกับเว้เปิดเผยว่า  “ ชาวเว้ถือสะพานเจื่อง เตี่ยนเป็นสถาปัตยกรรมที่ถูกก่อสร้างเร็วกว่าสิ่งปลูกสร้างอื่นๆและมีคุณค่าทางศิลปะสูง ผู้คนที่เกิดมาและเติบโตที่เว้ล้วนเคยเดินข้ามสะพานแห่งนี้  สะพานเจื่องเตี่ยนอยู่ในความทรงจำของชาวเว้ตลอดไป ”

ทุกวันนี้ เว้ยังเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นเมืองเฟสติวัล โดยเฟสติวัลเว้ถูกจัดขึ้นทุกๆสองปีและมีนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและชาวต่างชาติหลั่งไหลมาร่วมงานจำนวนมาก สถาปัตยกรรมของราชวงศ์สมัยศักดินา ภูมิทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม ชาวเว้ที่มีอัธยาศัยดี งานเทศกาลดนตรี เทศกาลพื้นบ้านและอาหารพื้นบ้านได้สร้างเชื่อเสียงให้เฟสติวัลเว้ เชิญท่านมาเที่ยวราชธานีเว้เพื่อสัมผัสและศึกษาค้นคว้าความวิจิตรพิศดารของกรุงเก่าเว้ .

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด