กรีซกำลังเสี่ยงกับการล้มละลาย

(VOVworld)-วิกฤตหนี้ของกรีซกำลังอยู่ในทางตันเมื่อรัฐบาลไม่มีเงินเพื่อตอบสนองค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่างๆและกำหนดชำระหนี้กำลังใกล้เข้ามาทุกที ซึ่งในสภาวการณ์นี้ ความพยายามทำการเจรจาระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ใหญ่สามรายคือสหภาพยุโรป ธนาคารกลางยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศเพื่อที่จะได้รับวงเงินช่วยเหลือนั้นกำลังชงักงัน ดังนั้นสมาชิกภาพยูโรโซนของกรีซกำลังตกอยู่ในภาวะที่ลำบากเป็นอย่างยิ่ง


(VOVworld)-วิกฤตหนี้ของกรีซกำลังอยู่ในทางตันเมื่อรัฐบาลไม่มีเงินเพื่อตอบสนองค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่างๆและกำหนดชำระหนี้กำลังใกล้เข้ามาทุกที ซึ่งในสภาวการณ์นี้ ความพยายามทำการเจรจาระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ใหญ่สามรายคือสหภาพยุโรป ธนาคารกลางยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศเพื่อที่จะได้รับวงเงินช่วยเหลือนั้นกำลังชงักงัน ดังนั้นสมาชิกภาพยูโรโซนของกรีซกำลังตกอยู่ในภาวะที่ลำบากเป็นอย่างยิ่ง

กรีซกำลังเสี่ยงกับการล้มละลาย - ảnh 1

เมื่อวันที่22เมษายน ธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบีได้ประกาศว่าจะสนับสนุนเงินให้แก่ธนาคารต่างๆของกรีซถ้าหากระบบธนาคารเหล่านี้ยังมีความสามารถในการชำระหนี้และมีทรัพสินที่มีค่าเพื่อค้ำประกันการกู้เงิน ก่อนหน้านั้นผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟก็ได้ย้ำว่าจะไม่อนุญาตให้กรีซชลอการชำระหนี้มูลค่า2.5พันล้านยูโรที่จะหมดกำหนดชำระในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเหตุผลที่เจ้าหนี้ของกรีซได้อ้างคือรัฐบาลของกรีซไม่สามารถตอบสนองเงื่อนไขต่างๆที่วางไว้คือการปฏิรูปทางราชการและสังคม ผลักดันการพัฒนาของภาคเอกชนและประหยัดรายจ่ายงบประมาณ  ซึ่งสภาพการเงินที่ลำบากในขณะนี้บวกกับประกาศและเงื่อนไขต่างๆที่เจ้าหนี้เสนอได้กลายเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับทางการกรีซและทำให้ประเทศนี้ต้องเสี่ยงกับปัญหาการล้มละลาย

เศรษฐกิจที่ตกอยู่ในทางตัน

ในสภาวการณ์ดังกล่าว บรรยากาศที่ตึงเครียดกำลังปกคลุมทั้งประเทศเมื่อรัฐบาลกรีซประกาศกฤษฎีกาเกี่ยวกับการใช้แหล่งเงินสำรองของสำนักงานราชการ โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยและกองทุนต่างๆเพื่อช่วยในการชำระหนี้ของรัฐ โดยจำนวนเงินที่ต้องการเพื่อตอบสนองรายจ่ายที่เร่งด่วนไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ประกันสังคม ดอกเบี้ยหนี้ค้างชำระและหนี้ที่ต้องชำระตามกำหนดการได้เพิ่มขึ้นเป็น3พันล้านยูโรแล้ว ซึ่งในช่วงที่ประสบวิกฤตหนี้สาธารณะตลอด6ปีที่ผ่านมา กรีซยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการบังคับการระดมเงินทุนเช่นนี้ดังนั้นการที่ต้องประกาศใช้มาตรการดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกรีซไม่สามารถหาทางออกได้แล้วเพราะเงินหมดคลังและแรงกดดันจากเจ้าหนี้นับวันเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้กฤษฎีกาดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาถึงจะมีผลบังคับใช้แต่สำหรับชาวกรีซนี่ถือเป็นการจุดชนวนกระแสคัดค้านต่างๆหลังจากที่ชาวกรีซต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพที่ลำบากเพราะนโยบายรัดเข็มขัด

โดยทางการท้องถิ่นต่างๆได้แสดงท่าทีคัดค้านการตัดสินใจดังกล่าวของรัฐบาลอย่างรุนแรงเพราะเห็นว่า การที่รัฐบาลเข้ามาควบคุมกองทุนระดับท้องถิ่นนั้นเป็นเรื่องอยุติธรรมและไม่สามารถยอมรับได้ซึ่งอาจจะทำให้กลไกการบริหารท้องถิ่นถูกระงับการปฏิบัติงาน นอกจากนั้นการโอนเงินจากงบประมาณสำรองของท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศไปยังธนาคารกลางของกรีซจะทำให้ระบบการเงินมีความซับซ้อนในสภาวการณ์ที่ดัชนีทางการเงินของกรีซในตลาดหลักทรัพย์เพิ่งปรับลดอีกร้อยละ3.3 แต่ถึงอย่างไรก็ดีแม้จะถูกคัดค้านอย่างรุนแรงแต่รัฐบาลกรีซยังคงยืนหยัดปฏิบัติแนวทางนี้เนื่องจากเห็นว่านี่เป็นเพียงการกู้เงินระยะสั้นของรัฐบาลและเงินเหล่านี้จะถูกคืนภายในเวลา15-20วันตามระดับความเร่งด่วนของรายจ่ายในแต่ละท้องถิ่น แต่สิ่งที่สำคัญคือจะเอาเงินมาจากไหนเพื่อคืนให้แก่กองทุนสำรองต่างๆและคำถามนี้รัฐบาลกรีซเองก็ยังไม่สามารถตอบได้

แผนการใดเพื่อแก้ปัญหาให้แก่กรีซในเวลาข้างหน้า

ทั้งนี้วันที่24เมษายนถือเป็นกำหนดการให้บรรดารัฐมนตรีการคลังของยุโรปประชุมกันที่ลัตเวียเพื่อมีการตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือกรีซหรือไม่ แต่จนถึงขณะนี้กรีซก็ยังไม่สามารถเสนอแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจใดๆตามความต้องการของเจ้าหนี้เพื่อแลกกับวงเงิน7.2พันล้านยูโรซึ่งเป็นวงเงินงวดสุดท้ายจากจำนวนเงิน240พันล้านยูโรที่อียูและไอเอ็มเอฟได้ตกลงที่จะสงวนให้แก่กรีซตั้งแต่ปี2010 โดยความขัดแย้งต่างๆที่ทำให้ทั้งกรีซและเจ้าหนี้ไม่สามารถตกลงกันได้คือฝ่ายยุโรปอยากให้กรีซมีปฏิบัติการมากขึ้นเพื่อปรับปรุงเศรษฐกิจและปัญหาหนี้แต่ทางการกรีซกลับไม่ยอมปรับลดรายจ่ายด้านสาธารณะหากกำลังแสวงหามาตรการเพิ่มแหล่งรายรับงบประมาณด้วยการปรับปรุงด้านภาษี

นับตั้งแต่ได้รับชัยชนะหลังการเลือกตั้งและขึ้นกุมอำนาจ พรรคฝ่ายซ้ายซีรีซาในกรีซต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหลายฝ่าย ซึ่งพรรคนี้ได้ให้คำมั่นกับประชาชนว่าจะหลุดพ้นจากนโยบายรัดเข็มขัดและคงความเป็นสมาชิกภาพยูโรโซนต่อไป แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนี้ยากที่จะบรรลุได้ ดังนั้นขณะนี้เพื่อที่จะแสวงหาทางออก พรรคซีรีซากำลังคิดถึงแนวทางที่จะต้องสร้างพันธมิตรกับสองพรรคซ้ายกลางที่เล็กกว่าเพื่อธำรงเสียงข้างมากในรัฐสภาและพร้อมที่จะลงนามในข้อตกลงฉบับใหม่กับตัวแทนเขตยูโรโซนและไอเอ็มเอฟ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจปรับปรุงสภาพของระบบเศรษฐกิจของกรีซในปัจจุบันได้

ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ากรีซจะถูกบังคับให้ออกจากยูโรโซนหรือไม่เพราะมาตรฐานต่างๆของอียูนั้นได้อนุมัติให้ประเทศสมาชิกถอนตัวออกจากกลุ่มแต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเทศที่ไม่ใช้สกุลเงินยูโรร่วมกันนั้นกลับไม่มีความชัดเจน ซึ่งหากกรีซต้องออกจากยูโรโซน ประเทศนี้จะต้องพิจารณาใหม่ด้านความสัมพันธ์กับสหภาพเศรษฐกิจ การเมืองและการทหารของตนและแม้แนวโน้มนี้ยากที่จะเกิดขึ้นจริงแต่กรีซก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสภาวการณ์ที่เลวร้ายที่สุด./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด