การกระชับความสัมพันธ์พันธมิตรพิเศษระหว่างสหรัฐกับอังกฤษเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย

(VOVWORLD) - ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมภริยากำลังอยู่ระหว่างการเยือนประเทศอังกฤษในระหว่างวันที่ 3-5 มิถุนายนตามคำเชิญของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แม้เจ้าหน้าที่สองฝ่ายต่างยืนยันว่า การเยือนนี้เป็นการยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์พันธมิตรที่เสมอต้นเสมอปลายและพิเศษระหว่างสหรัฐกับอังกฤษแต่ประชามติเห็นว่า ยากที่จะบรรลุเป้าหมายนี้เพราะความสัมพันธ์พันธมิตรที่ใกล้ชิดระหว่างสองประเทศกำลังประสบอุปสรรคนับตั้งแต่ที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
การกระชับความสัมพันธ์พันธมิตรพิเศษระหว่างสหรัฐกับอังกฤษเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย - ảnh 1การกระชับความสัมพันธ์พันธมิตรพิเศษระหว่างสหรัฐกับอังกฤษเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย (Photo VNplus)

การเยือนอังกฤษของประธานาธิบดีสหรัฐเต็มไปด้วยกิจกรรมทางการทูต โดยจะทานมื้อเที่ยงร่วมกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ดื่มชากับเจ้าชายแห่งเวลส์และดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ เข้าร่วมงานราตรีที่พระราชวังบักกิงแฮมและพิธีรำลึกครบรอบ 75 ปีพันธมิตรส่งทหารจากอังกฤษเข้ายุโรปเพื่อต่อสู้กับฟาสซิสต์เยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 โอกาสนี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะพบปะกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซา เมย์ ซึ่งจะลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 7 เดือนนี้

คำประกาศที่ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงอังกฤษไม่พอใจ

การเยือนอังกฤษครั้งนี้ของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ค่อยได้รับการตอบรับจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงอังกฤษ เพราะก่อนการเยือนครั้งนี้ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศสนับสนุนการถอนตัวจากอียูของอังกฤษหรือ Brexit ที่ไม่มีข้อตกลงฉบับใด ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังสร้างความแตกแยกภายในประเทศอังกฤษในตลอดเวลาที่ผ่านมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้อังกฤษไม่จ่ายเงินชดเชยตามข้อตกลงที่อังกฤษและอียูได้บรรลุเมื่อปลายปี 2018 และประธานาธิบดีสหรัฐยังยืนยันว่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ โบริส จอห์นสัน คือผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษและหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมแทนนาง เทเรซา เมย์ โดยนาย โบริส จอห์นสัน สนับสนุนให้อังกฤษยุติความร่วมมือกับบรัสเซลและอังกฤษควรถอนตัวจากอียูไม่ว่าจะมีข้อตกลงหรือไม่ก็ตาม

คาดว่า ในการพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอังกฤษ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะหารือเกี่ยวกับความตึงเครียดกับจีนและการคว่ำบาตรบริษัทหัวเหว่ยของจีน โดยในการพบปะกับนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ นายทรัมป์อาจกดดันให้อังกฤษไม่อนุญาตให้บริษัหัวเหว่ยเข้าร่วมการวางระบบเครื่อข่าย 5 G ก่อนหน้านั้น ในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ซันเดย์ ไทมส์ ฉบับวันที่ 2 มิถุนายนเกี่ยวกับการที่อังกฤษมีแผนการอนุญาตให้บริษัทหัวเหว่ยเข้าร่วมการวางระบบเครือข่าย 5 G นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เตือนว่า อังกฤษต้องพิจารณาปัญหาความมั่นคงของประเทศอย่างรอบคอบ

คำประกาศเหล่านี้ของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่ท่าทีต่างๆของสหรัฐ เช่น การถอนตัวจากข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำกับอิหร่าน เป็นต้นที่ส่งผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์กับอังกฤษยังไม่คลี่คลายลง

ในสภาวการณ์ดังกล่าว การที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอังกฤษเข้าใจกันว่าประธานาธิบดีสหรัฐได้แทรกแซงกิจการภายในของอักฤษก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ง่าย โดยในบทความที่ลงบนหนังสือพิมพ์ออบเซอร์เวอร์ นาย ซาดิค คาห์น นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนได้เรียกนาย ทรัมป์ ว่าเป็น “หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดเกี่ยวกับภัยคุกคามโลกที่นับวันรุนแรงเพิ่มขึ้น” ส่วนนาย เจเรมี คอร์บิน แกนนำของพรรคแรงงานได้กล่าวว่า คำประกาศของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คือการแทรกแซงกิจการภายในของอังกฤษที่ไม่สามารถยอมรับได้ พร้อมทั้งย้ำท่าทีบอยคอตของตนด้วยการไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่พระราชวังบักกิงแฮม นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านหลายคนก็แสดงท่าทีเช่นเดียวกับนาย เจเรมี คอร์บิน ซึ่งทำให้ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องงดกล่าวปราศรัยในรัฐสภาอังกฤษเนื่องจากถูกส.ส.อังกฤษคัดค้าน

จะไม่มีข้อตกลงที่เป็นก้าวกระโดด

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสทาง Twitter ก่อนเดินทางถึงสนามบิน Stansted ในกรุงลอนดอนว่า พร้อมที่จะเป็นเพื่อนของอังกฤษและตั้งความหวังต่อผลการเยือนครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซา เมย์ ได้เผยว่า “นี่คือสัปดาห์ที่มีความหมายสำหรับความสัมพันธ์พิเศษอังกฤษ – สหรัฐและเป็นโอกาสกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนที่ใกล้ชิดระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”

เป้าหมายในการเยือนอังกฤษครั้งนี้ของประธานาธิบดีสหรัฐ คือต้องการบรรลุข้อตกลงที่เป็นก้าวกระโดด แต่ความไม่ราบรื่นของปัญหา Brexit ได้ส่งผลให้มีโอกาสน้อยที่ทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงใหญ่ๆ ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงตั้งเป้าหมายแค่พยายามบรรลุข้อตกลงการค้าใหญ่ๆในอนาคตเท่านั้น

ในภาพรวมจะเห็นได้ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เป็นที่ชื่นชอบของชาวอังกฤษ แต่วอชิงตันกับลอนดอนเป็นพันธมิตรสำคัญกันมาช้านานในภูมิภาคและยังมีผลประโยชน์ยุทธศาสตร์ร่วมกันและเศรษฐกิจยังมีบทบาทสำคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร สหรัฐและอังกฤษก็ต้องพึ่งพากันและต้องปรับปรุงความสัมพันธ์ให้มีความเสมอต้นเสมอปลายและพิเศษ ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบมากมายนับตั้งแต่ที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด