การบังคับใช้ภาษีต่อต้านการอุปถัมภ์ต่อกุ้งแช่แข็งของเวียดนามเป็นการตัดสินที่อยุติธรรม

(VOVworld) –  เช้าวันที่๑๔เดือนนี้ ตามเวลาเวียดนาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศผลการตัดสินใจในการไต่สวนการฟ้องร้องการอุปถัมภ์กุ้งน้ำอุ่นและแช่แข็งที่นำเข้าจากเวียดนามซึ่งตามนั้น....

(VOVworld) –เช้าวันที่๑๔เดือนนี้ ตามเวลาเวียดนาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศผลการตัดสินใจในการไต่สวนการฟ้องร้องการอุปถัมภ์กุ้งน้ำอุ่นและแช่แข็งที่นำเข้าจากเวียดนามซึ่งตามนั้นจะบังคับใช้อัตราภาษีต่อต้านการอุปถัมภ์ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยุติธรรมและส่งผลเสียต่อเกษตรกรนับแสนคนและบรรดาผู้ผลิตกุ้งเวียดนาม

การบังคับใช้ภาษีต่อต้านการอุปถัมภ์ต่อกุ้งแช่แข็งของเวียดนามเป็นการตัดสินที่อยุติธรรม - ảnh 1
กุ้งแช่แข็งของเวียดนาม(Photo:VOV)

ตามการตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ บริษัทสัตว์น้ำมิงกวี๊ในจังหวัดก่าเมาซึ่งเป็น๑ใน๒จำเลยจะต้องเสียภาษีร้อยล๗.๘๘และบริษัทสัตว์น้ำญาจางต้องเสียภาษีร้อยละ๑.๑๕ ส่วนบริษัทอื่นๆของเวียดนามจะต้องเสียภาษีร้อยละ๔.๕๒ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าอัตราภาษีในการตัดสินใจเบื้องต้นของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแต่ยังคงเป็นการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมเนื่องจากอาศัยการยืนยันที่ว่า บรรดาผู้ผลิตและแปรรูปกุ้งแช่แข็งของเวียดนามได้รับการอุปถัมภ์จากรัฐบาลซึ่งถือเป็นการเก็บภาษีซ้ำซ้อนคือภาษีต่อต้านการขายทุ่มตลาดและภาษีต่อต้านการอุปถัมภ์ซึ่งส่งผลเสียต่อเกษตรกร๖แสนคนและบรรดาผู้ผลิตกุ้งเวียดนาม    สิ่งที่ไร้เหตุผลคือ การตัดสินใจดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐมาจากกรณียื่นร้องเรียนของกลุ่มอุตสาหกรรมกุ้งสหรัฐหรือCOGSI ด้วยข้อหา อุตสาหกรรมกุ้งของบางประเทศ รวมทั้งเวียดนามได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล กรณีฟ้องร้องที่ไร้เหตุผลนี้เกิดขึ้นในขณะที่องค์การCOGSIของสหรัฐซึ่งเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมผลิตกุ้งสามารถตอบสนองความต้องการกุ้งภายในประเทศได้เพียงร้อยละ๑๐เท่านนั้น ส่วนร้อยละ๙๐มาจากการนำเข้า รวมทั้งการนำเข้าจากเวียดนาม นอกจากนี้ บรรดาผู้นำเข้ากุ้งของสหรัฐเองก็ยืนยันว่า การที่COGSIโยนความผิดให้แก่กุ้งที่นำเข้าจากเวียดนามและอีกบางประเทศที่ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของพวกเขาลดลงนั้นเป็นสิ่งที่ขาดตรรกะและขาดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เพราะกุ้งที่เพาะเลี้ยงในเวียดนามและกุ้งที่ผลิตในสหรัฐเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต่างกัน เงื่อนไขผลิตต่างกันและคุณภาพก็ต่างกัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องและไม่สามารถแข่งขันกันในตลาดได้และก็ไม่ควรตกเป็นเป้าหมายเพื่อฟ้องร้องกัน     หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามได้ยืนยันหลายครั้งแล้วว่า กรณีร้องเรียนดังกล่าวเป็นการแข่งขันที่ไม่โปร่งใส ไม่ยุติธรรม ส่งผลเสียต่อสถานประกอบการและผู้เพาะเลี้ยงกุ้งเวียดนามนับแสนคน นายเลวันกวาง ประธานสภาบริหารบริษัทหุ้นส่วนเครือบริษัทสัตว์น้ำมิงฟู๊ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐกำหนดภาษีต่อต้านการขายทุ่มตลาดกล่าวว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ไม่ยุติธรรม ส่งผลเสียต่อสถานประกอบการแปรรูปและส่งออกกุ้ง บรรดาสถานประกอบการส่งออกกุ้งของเวียดนามดำเนินงานตามกลไกตลาดและไม่ได้รับการอุปถัมภ์จากรัฐในการผลิตและประกอบธุรกิจ ส่วนนายฝ่ามแอนต๊วน รองอธิบดีทบวงสัตว์น้ำแห่งกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเคยย้ำว่า รัฐบาลเวียดนามไม่ได้ให้การอุปถัมภ์อุตสาหกรรมกุ้งโดยเกษตรกรเพาะเลี้ยงกุ้งต้องช่วยเหลือตนเองทั้งด้านอาหาร พ่อแม่พันธุ์และแรงงาน      ตามขั้นตอนกฎหมายของสหรัฐ ต่อจากการตัดสินใจดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ คณะกรรมการพาณิชย์ระหว่างประเทศของสหรัฐจะพิจารณากรณีร้องเรียนอีกครั้งและถ้าคณะกรรมการนี้มีข้อสรุปเช่นเดียวกัน คาดว่า ในวันที่๓ตุลาคม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะประกาศคำสั่งบังคับใช้ภาษีต่อต้านการอุปถัมภ์นี้อย่างเป็นทางการ            
ขณะนี้ถึงแม้ว่า คำสั่งนี้จะยังไม่ได้ประกาศใช้ แต่การตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐในเช้าวันที่๑๔เดือนนี้ จะส่งผลเสียต่อการส่งออกของสถานประกอบการเวียดนาม การค้าระหว่างสองประเทศ ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงกุ้งนับแสนคนและกรรมกรที่กำลังทำการผลิต แปรรูปและส่งออกกุ้งในเวียดนามตลอดจนผู้บริโภคอเมริกันเพราะโอกาสที่จะได้บริโภคกุ้งของเวีดนามมีแนวโน้มลดลง./.                                  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด