การประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 กับนิมิตหมายของเวียดนาม

(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 ณ ประเทศไทย โดยการปฏิบัติภารกิจต่างๆของนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกในกรอบการประชุมนี้แสดงให้เห็นว่า เวียดนามเป็นสมาชิกที่เข้มแข็ง พร้อมทั้งเรียกร้องให้เสริมสร้างความสามัคคี การเชื่อมโยงภายในกลุ่ม ส่งเสริมบทบาทเป็นศูนย์กลางและกลไกต่างๆในภูมิภาคที่อาเซียนเป็นผู้ริเริ่มให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 กับนิมิตหมายของเวียดนาม - ảnh 1นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 ณ ประเทศไทย (VGP)

นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เข้าร่วมการประชุมครบองค์ พิธีเปิดและการประชุมผู้นำอาเซียน โดยได้มีข้อเสนอที่สำคัญเพื่อส่งเสริมความสามัคคีภายในกลุ่มและแก้ไขความท้าทายต่างๆในปัจจุบัน

สร้างสรรค์อาเซียนอย่างยั่งยืนในทุกด้าน

การประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 มีขึ้นในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในภูมิภาคและโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อน ลัทธิคุ้มครองการค้าและการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 กำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตสังคมในทุกด้าน ซึ่งทำให้ประเทศอาเซียนต้องสามัคคีกันมากขึ้นเพื่อร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเหงวียนก๊วกหยุง สมาชิกคณะผู้แทนที่เดินทางร่วมไปกับนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ได้ประเมินว่า“สถานการณ์โลกเป็นประเด็นที่บรรดาผู้นำประเทศต่างๆให้ความสนใจเป็นพิเศษเพราะมีความวิตกกังวลว่า การแข่งขันและการเผชิญหน้าระหว่างประเทศมหาอำนาจจะส่งผลกระทบในทางลบต่อประเทศสมาชิกอาเซียน ส่วนในด้านเศรษฐกิจ สงครามการค้า ผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0 รวมทั้งปัญหาขยะและปัญหาประชากรสูงอายุได้สร้างความท้าทายที่สำคัญต่ออาเซียน ดังนั้น ประเทศไทยได้กำหนดหัวข้อของปีอาเซียน 2019ที่เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกด้าน ซึ่งถือเป็นการกำหนดหัวข้อที่ถูกต้อง”

บนเจตนารมณ์ดังกล่าว ผู้นำประเทศต่างๆได้หารือเกี่ยวกับการส่งเสริม 3 เสาหลักความร่วมมือได้แก่การเมือง-ความมั่นคง เศรษฐกิจและวัฒนธรรม โดยยืนยันถึงความต้องการรักษาความมั่นคงอย่างยั่งยืน การค้ำประกันบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ส่วนในด้านเศรษฐกิจ บรรดาผู้นำได้เห็นพ้องกระชับความร่วมมือด้านการค้าภายในกลุ่ม ผลักดันการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านในภูมิภาคหรือ RCEP ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2019 เพื่อสร้างเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก รัฐมนตรีช่วยเหงวียนก๊วกหยุงได้เผยว่า“ท่ามกลางการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศต่างๆ การที่อาเซียนสนับสนุนการเสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลง RCEP แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบรรดาผู้นำอาเซียนเพราะข้อตกลงนี้จะช่วยให้ประเทศสมาชิกอาเซียนส่งเสริมการพึ่งพาตนเองและรับมือปัญหาการค้าระดับโลก”

การประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 กับนิมิตหมายของเวียดนาม - ảnh 2ภาพการประชุม (VGP) 

ในด้านวัฒนธรรมและสังคม บรรดาผู้นำอาเซียนได้ตัดสินใจเลือกปี 2019 เป็นปีวัฒนธรรมอาเซียนเพื่อขยายการแลกเปลี่ยนและส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมอาเซียน

เวียดนามย้ำถึงการให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อความสามัคคีภายในกลุ่ม

ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมในฐานะประธานอาเซียนปี 2020 นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนกระชับความร่วมมือในด้านต่างๆที่นำผลประโยชน์มาสู่ประชาชน ผลักดันการปรับปรุงระเบียบการต่างๆเพื่อยกระดับประสิทธิภาพกิจกรรมและโครงสร้างของอาเซียน ส่วนในการกล่าวปราศรัยในการประชุมครบองค์ นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกยังได้ย้ำถึงประเด็นที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆคือการเสริมสร้างความสามัคคี การเชื่อมโยงภายในกลุ่ม ส่งเสริมบทบาทเป็นศูนย์กลางและกลไกต่างๆในภูมิภาคที่อาเซียนเป็นผู้ริเริ่มให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รัฐมนตรีช่วยเหงวียนก๊วกหยุงได้วิเคราะห์ว่า“นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปราศรัยในการประชุมต่างๆดังกล่าว โดยเน้น 3 ประเด็น หนึ่งคือเวียดนามสนับสนุนความคิดริเริ่มของประเทศไทย สองคือเวียดนามพร้อมร่วมกับประเทศต่างๆเสริมสร้างความสามัคคีเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆทั้งในภูมิภาคและโลก ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนต้องพัฒนาความสัมพันธ์อย่างจริงจังและตรงตามเป้าหมาย สามคือในฐานะเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนปี 2020 และสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความัม่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 เวียดนามจะปกป้องผลประโยชน์ของอาเซียนอย่างเต็มที่และมีความคิดริเริ่มใหม่เพื่อสร้างสรรค์อาเซียนให้เข้มแข็งมากขึ้น”

ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้พบปะทวิภาคีกับผู้นำไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ กัมพูชาและลาว โดยได้กล่าวถึงปัญหาทะเลตะวันออกและเห็นพ้องกับผู้นำประเทศเหล่านี้ว่า จะประสานงานกันในการปฏิบัติแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีอย่างสมบูรณ์และมุ่งสู่การบรรลุร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็วเพื่อค้ำประกันผลประโยชน์ของประชาคมโลก โดยเฉพาะในการพบปะกับนาย ลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อบทปราศรัยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมของนายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง ที่พาดพิงถึงเวียดนามและกัมพูชาในช่วงปี 1979-1980 ส่วนนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้อธิบายว่า สิงคโปร์ไม่มีเจตนาสร้างความปวดร้าวใจให้แก่เวียดนาม แต่การกล่าวถึงช่วงเวลาที่เจ็บปวดในประวัติศาสตร์ของอินโดจีนนั้นก็เพื่อย้ำว่า สันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในปัจจุบันไม่ใช่เป็นสิ่งที่ได้มาโดยบังเอิญ และในสภาวการณ์ในปัจจุบันทำให้อาเซียนต้องธำรงความสามัคคี ความผูกพันและผลักดันความร่วมมือ  พร้อมทั้งย้ำว่า สิงคโปร์ให้ความสำคัญต่อสัมพันธไมตรีและความไว้วางใจกับเวียดนาม ชื่นชมบทบาทและส่วนร่วมที่สำคัญของเวียดนามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในการธำรงสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพและการพัฒนาของภูมิภาค ตลอดจนในกระบวนการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง สามัคคีและพึ่งพาตนเอง

ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า การเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 ของนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ประสบความสำเร็จ มีส่วนร่วมกระชับและเสริมสร้างความสามัคคีของอาเซียน ส่งเสริมบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ตลอดจนขยายความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับหุ้นส่วนต่างๆให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด