ก้าวถอยหลังในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-สหภาพยุโรป

(VOVworld)-วันที่25กรกฎาคม หลังจากการตัดสินใจของสหรัฐ สหภาพยุโรปหรืออียูก็ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นว่าด้วยการเพิ่มมาตราการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียโดยคาดว่าจะมีการอนุมัติมติอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้  ซึ่งประเทศตะวันตกเห็นว่าการลงโทษคือมาตรการเดียวเพื่อเป็นหลักค้ำประกันต่ออันที่เรียกว่าเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาครวมทั้งเพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำของรัสเซียที่ถือว่าเป็นการแทรกแซงสถานการณ์ภายในยูเครน แต่ในขณะเดียวกันอียูก็ต้องเตรียมพร้อมรับผลที่จะตามมาเมื่อดำเนินมาตรการลงโทษต่างๆเหล่านี้

(VOVworld)-วันที่25กรกฎาคม หลังจากการตัดสินใจของสหรัฐ สหภาพยุโรปหรืออียูก็ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นว่าด้วยการเพิ่มมาตราการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียโดยคาดว่าจะมีการอนุมัติมติอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้  ซึ่งประเทศตะวันตกเห็นว่าการลงโทษคือมาตรการเดียวเพื่อเป็นหลักค้ำประกันต่ออันที่เรียกว่าเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาครวมทั้งเพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำของรัสเซียที่ถือว่าเป็นการแทรกแซงสถานการณ์ภายในยูเครน แต่ในขณะเดียวกันอียูก็ต้องเตรียมพร้อมรับผลที่จะตามมาเมื่อดำเนินมาตรการลงโทษต่างๆเหล่านี้

ก้าวถอยหลังในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-สหภาพยุโรป - ảnh 1
สหรัฐและอียูเห็นพ้องที่จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซีย

ข้อตกลงเบื้องต้นของอียูที่มุ่งคว่ำบาตรเศรษฐกิจของรัสเซียได้มีขึ้นหลังเหตุเที่ยวบินเอ็มเอช17ของมาเลเซียแอร์ไลน์ถูกยิงตกเมื่อวันที่17กรกฎาคมในภาคตะวันออกของยูเครนที่กำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่นิยมรัสเซีย ซึ่งการตัดสินใจนี้ได้ส่งผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียที่เริ่มแตกร้าวนับตั้งแต่ได้ผนวกรวมไครเมียเข้ากับรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคมยิ่งเลวลง

การคว่ำบาตรด้านที่เป็นแกนหลักของเศรษฐกิจยกเว้นก๊าช

อียูได้มอบหน้าที่ร่างเนื้อหามาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมต่อรัสเซียให้แก่คณะกรรมการยุโรปหรืออีซีและสำนักงานนี้ได้เสนอ4ประเด็นหลักคือการระงับการทำธุรกรรมกับธนาคารภาครัฐของรัสเซีย การยุติการค้าอาวุธ จำกัดการขายพลังงานและเทคโนโลยีด้านพลเรือนและการทหาร แต่ไม่รวมถึงเทคโนโลยีด้านการผลิตก๊าซของรัสเซียเช่นเดียวกับการสนองก๊าซและสินค้าประเภทอื่นๆจากรัสเซีย

สหรัฐได้ยืนยันข่าวดังกล่าวด้วยการออกประกาศเมื่อวันที่28กรกฎาคมโดยแจ้งว่า สหรัฐและสหภาพยุโรปมีแผนปฏิบัติมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซียที่มุ่งเป้าไปยังหน่วยงานสำคัญต่างๆ ส่วนโฆษกของนายกฯอังกฤษได้ยอมรับว่า ฝ่ายตะวันตกได้เห็นพ้องกันว่าอียูควรเริ่มปฏิบัติมาตรการที่แข็งกร้าวกว่าให้เร็วที่สุดเนื่องจากรัสเซียไม่ได้มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้กลุ่มต่อต้านในภาคตะวันออกของยูเครนยอมนั่งเจรจาและไม่มีปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมเพื่อควบคุมสถานการณ์เขตชายแดนระหว่างรัสเซียและยูเครน

นอกจากเร่งปฏิบัติมาตรการคว่ำบาตรใหม่ทางเศรษฐกิจ อียูยังเพิ่มคำสั่งอายัดทรัพย์สินและห้ามเดินทางเข้าอียูต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียรวมทั้งผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐ อาเล็กซานเดอร์ บอร์ตนีกอฟและผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองต่างประเทศ มิคาอิล ฟราดกอฟ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่ถูกระบุในรายชื่อเจ้าหน้าที่รัสเซียและยูเครน15คนรวมทั้งบริษัทกับองค์การ18แห่งที่ถูกคว่ำบาตรล่าสุด

ประโยชน์และผลกระทบที่ตามมา

การเร่งรัดมาตรการลงโทษแม้จะสร้างอุปสรรคให้แก่รัสเซียแต่ในขณะเดียวกันก็ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศตะวันตกต่างๆ โดยบรรดานักเศรษฐศาสตร์ได้แสดงความเห็นว่า หากต้องการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียจริงๆบรรดาผู้นำอียูจะต้องแลกด้วยอัตราการขยายตัวของจีดีพีในกลุ่ม เพราะปัจจุบันมูลค่าการส่งออกของอียูไปยังรัสเซียอยู่ที่กว่า1แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะเมื่อปี2013อยู่ที่1แสน6หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ตัวเลขนี้จะลดลงเมื่อมีหลายประเทศในกลุ่มอียูได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจหลังการคว่ำบาตรรัสเซีย เช่นสำหรับเยอรมนีซึ่งเป็นเศรษฐกิจนำหน้าในอียูจะเสียหายมากที่สุดเพราะขณะนี้มีสถานประกอบการเยอรมนีประมาณ6พันแห่งกำลังประกอบธุรกิจในรัสเซียรวมเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ งานทำของแรงงานเยอรมนีกว่า3แสนคนขึ้นอยู่กับกิจกรรมการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับรัสเซีย โดยเมื่อปี2013การส่งออกของเยอรมนีไปยังตลาดรัสเซียคิดเป็นมูลค่า36พันล้านยูโรแต่เฉพาะในช่วง4เดือนต้นปีนี้ตัวเลขดังกล่าวได้ลดลงร้อยละ14แล้ว ส่วนองค์กรสถานประกอบการได้เตือนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของกรรมกรเยอรมนีประมาณ2หมื่น5พันคนกำลังถูกคุกคาม ในขณะเดียวกันฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้สนองอาวุธรายใหญ่ที่สุดให้แก่รัสเซียและเพียงการเซ็นสัญญาขายเรือรบมิสตรัล2ลำมูลค่าหลายพันล้านยูโรให้แก่รัสเซียก็หมายความว่ากรรมกรชาวฝรั่งเศสกว่า1พันคนมีงานทำ และถ้าหากอียูใช้มาตรการคว่ำบาตรธนาคารภาครัฐศูนย์การเงินลอนดอนก็จะสูญเสียแหล่งเงินทุนที่สำคัญ

ส่วนทางฝ่ายรัสเซียนั้นมีความเห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรใหม่ได้แสดงให้เห็นชัดๆว่าประเทศสมาชิกอียูกำลังตัดความร่วมมือในทุกด้านกับรัสเซียในปัญหาความมั่นคงระหว่างประเทศและภูมิภาค แต่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟได้ยืนยันว่า มาตรการใหม่ที่สหรัฐและอียูปฏิบัติต่อรัสเซียจะไม่ได้ผลและมีแต่จะทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียมีความเป็นอิสระมากขึ้น ซึ่งรัสเซียจะไม่มีปฏิบัติการตอบโต้

การใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเคยเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแต่ถึงแม้จะลงโทษในระดับไหนก็จะสร้างความเสียหายให้แก่ทั้งสองฝ่ายและในกรณีนี้การที่อียูเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซียก็จะทำให้ความสัมพันธ์ร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองฝ่ายเลวร้ายลงยิ่งขึ้น./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด