ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลียังไม่คลี่คลายลง

(VOVWORLD) -หลังการทดลองยิงขีปนาวุธที่ถือว่ารุนแรงที่สุดมาจนถึงปัจจุบันของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม กองทัพอากาศสหรัฐและสาธารณรัฐเกาหลีได้เริ่มทำการซ้อมรบร่วมทางอากาศครั้งใหญ่ โดยมีเครื่องบินรบนับร้อยลำเข้าร่วมการซ้อมรบบนน่านฟ้าของคาบสมุทรเกาหลี ทั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า โดยไม่สนใจต่อคำเรียกร้องของประชาคมระหว่างประเทศที่ให้ทุกฝ่ายมีความอดกลั้น ซึ่งท่าทีของทุกฝ่ายได้ทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดมากขึ้น

 

ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลียังไม่คลี่คลายลง - ảnh 1ทหารสาธารณรัฐเกาหลีเข้าร่วมการซ้อมรบครั้งหนึ่ง (Photo: EPA/TTXVN)

การซ้อมรบครั้งนี้ใช้ชื่อว่า “ Vigilant Ace” โดยจะจัดไปจนถึงวันที่ 8 ธันวาคม ซึ่งเปียงยางมักจะถือการซ้อมรบเหล่านี้เป็นการฝึกซ้อมเพื่อรุกรานประเทศตนส่วนสหรัฐและสาธารณรัฐเกาหลียังยืนยันว่า นี่เป็นการฝึกซ้อมป้องกันตัวเองเท่านั้น

ปัจจัยที่ผิดปรกติ

ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายมักจะมีการตอบโต้กันไปมาจนดูเหมือนว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปรกติแต่ในครั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้ประเมินว่า มีความอันตรายมากกว่าจนอาจนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น

อันดับแรกคือการซ้อมรบครั้งนี้ถือเป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่จัดการซ้อมรบ โดยมีทหารประมาณ 12,000 นายและเครื่องบินชนิดต่างๆกว่า 230 ลำของสหรัฐและสาธารณรัฐเกาหลีเข้าร่วม สิ่งที่น่าสนใจก็คือ มีเครื่องบินรบรุ่นใหม่ของสหรัฐ เอฟ-22 ถึง 6 ลำ เครื่องบินรบล่องหนเอฟ -35 รวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินสอดแนมเข้าร่วมการซ้อมรบ

บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินว่า ถึงแม้ไม่สามารถดูเบาความสามารถของกองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีแต่ระบบเรดาร์ป้องกันภัยทางอากาศของเปียงยางแทบจะไม่สามารถตรวจจับตำแหน่งเครื่องบินเอฟ - 22 และเอฟ- 35ได้เลย

ประเด็นที่สองคือ แม้สหรัฐและสาธารณรัฐเกาหลีจะกล่าวว่า นี่เป็นการซ้อบรบประจำปีเพื่อค้ำประกันสันติภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีแต่การเคลื่อนไหวของฝูงบินที่เข้มแข็งของสหรัฐและสาธารณรัฐเกาหลีที่กินอาณาบริเวณเป็นวงกว้างได้สร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อประชาคมระหว่างประเทศ นอกจากนั้น ก่อนการซ้อมรบครั้งนี้ สหรัฐก็ได้ทำการซ้อมใกล้ชายแดนของสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำที่ได้รับการชื่นชมว่า เป็นอาวุธทางทะเลที่เข้มแข็งมากที่สุดเข้าร่วม

“เกมส์”อันตราย

ในสภาวการณ์ที่ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลียังไม่มีท่าทีที่จะคลี่คลาย รัสเซียและจีนได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความอดกลั้น โดยเปียงยางจะยุติโครงการนิวเคลียร์ในขณะที่วอชิงตันและกรุงโซลยุติการซ้อมรบ แต่ทั้งสองฝ่ายได้ปฏิเสธคำเรียกร้องดังกล่าว โดยเปียงยางถือว่า การซ้อมรบครั้งนี้เป็นการยั่วยุอย่างหนักและควรถูกตอบโต้อย่างเข้มแข็ง แถมยังถือว่า สหรัฐกำลัง “เรียกเปิดสงครามด้วยการเปิดเกมส์ด้านนิวเคลียร์ที่อันตรายที่สุดบนคาบสมุทรเกาหลี” ส่วนสหรัฐได้ตอบโต้ด้วยการเตือนให้ครอบครัวทหารอเมริกันอพยพออกจากสาธารณรัฐเกาหลี

เป็นเวลานานแล้วที่การซ้อมรบประจำปีระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐเกาหลีมักจะเป็นช่วงเวลาที่เต็มด้วยความท้าทายต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองภาคเกาหลี การต่อสู้ทางทหารครั้งใหญ่หรือสงครามนิวเคลียร์แม้จะไม่ใช่ตัวเลือกในการแก้ไขปัญหาอันดับต้นๆของทุกฝ่ายแต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน จำเป็นต้องมีความอดกลั้นและมีความรับผิดชอบสูงสุด ซึ่งรวมถึงความรับผิดชอบของประชาคมระหว่างประเทศเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและโลก.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด