ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับตุรกียังไม่คลี่คลายลง

(VOVWORLD) - ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 พันธมิตรของนาโต้คือสหรัฐและตุรกียังคงมีความขัดแย้งที่ร้าวลึกเนื่องจากไม่สามารถแสวงหาเสียงพูดเดียวกันในปัญหาการปล่อยตัวบาทหลวงชาวสหรัฐAndrew Brunson โดยแทนที่จะพยายามผลักดันการสนทนา ตุรกีกำลังหันมากระชับความร่วมมือกับหุ้นส่วนต่างๆที่เป็นคู่แข่งสำคัญของสหรัฐ ส่วนสหรัฐก็กำลังผลักดันมาตรการคว่ำบาตรเพื่อสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจของตุรกีที่กำลังตกอยู่ในภาวะถดถอย

หลังจากที่ตุรกีจับกุมตัวบาทหลวงAndrew Brunson เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนมาจนถึงปัจจุบัน ปัญหาระหว่างสหรัฐกับตุรกียังไม่มีสัญญาณจะคลี่คลายลงเพราะแม้จะมีการพบปะทวิภาคีแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังถือว่า ไม่เพียงพอทั้งด้านจำนวนและระดับที่เหมาะสม

ความขัดแย้งที่ร้าวลึกมากขึ้น

ในขณะที่ประชามติคาดกันว่า สหรัฐจะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรตุรกีหลังจากได้ประกาศคำสั่งคว่ำบาตรที่มุ่งเป้าไปยังนาย Abdulhamit Gul รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและนาย Suleyman Soylu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงรักษาความมั่นคงภายในตุรกีเนื่องจากเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีบาทหลวงAndrew Brunson ในข้อหาก่อการร้ายและสายลับ  แต่หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ตัดสินใจปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากตุรกีเป็น 2 เท่า ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อตลาดการเงินตุรกีและทำให้เงินลีร่าอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องหลังจากได้อ่อนค่าลงร้อยละ 30 ตั้งแต่ต้นปีมานี้ การตัดสินใจดังกล่าวของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ได้ทำให้เศรษฐกิจตุรกีที่กำลังอยู่ในภาวะซบเซามีความลำบากมากยิ่งขึ้นและนายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจมีแผนกดดันตุรกีเพิ่มเติมผ่านมาตรากรคว่ำบาตรด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการที่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย โดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมายงบประมาณด้านกลาโหมปี 2019 ที่มีส่วนหนึ่งระบุการห้ามส่งมอบเครื่องบินรบ F-35ให้แก่ตุรกี

ส่วนตุรกีก็ได้แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อปฏิบัติการดังกล่าวของสหรัฐ โดยถือการตัดสินใจปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากตุรกีเป็นการโจมตีเพื่อสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจตุรกี พร้อมทั้งประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐขึ้นเป็น120% เครื่องดื่มแอลกอฮอล์140% และบุหรี่60% นอกจากนี้ ทางการตุรกียังปรับขึ้นภาษีต่อผลิตภัณฑ์อื่นๆได้แก่เครื่องสำอาง ข้าว ถ่านหินและจะเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐ มูลค่า 533 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ศาลเมืองอิซเมียร์ ทางทิศตะวันตกของตุรกีได้ ปฏิเสธคำร้องขอปล่อยตัวบาทหลวงAndrew Brunson และมีคำสั่งกักบริเวณในบ้านพักต่อไป ซึ่งแน่นอนว่า การตัดสินใจดังกล่าวของศาลตุรกีจะทำให้สหรัฐไม่พอใจและทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีประสบมรสุม

แสวงหาหุ้นส่วนอื่นๆ

แม้ตุรกีจะไม่ได้มีผลประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจต่อสหรัฐมากนัก แต่ในด้านการเมืองนั้น ตุรกีได้นำมาซึ่งผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ต่อสหรัฐ เพราะถ้าหากไม่มีการสนับสนุนจากตุรกี แผนการต่างๆของสหรัฐในซีเรีย รัสเซีย อิหร่านและยุโรปก็ยากที่จะปฏิบัติได้

แต่ดูเหมือนว่า ทางการของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังแสดงทัศนะที่ไม่เห็นถึงบทบาทของตุรกี โดยได้มีปฏิบัติการต่างๆที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่ายเลวร้ายลง ส่งผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์พันธมิตรและทำให้ตุรกีกระเถิบเข้าใกล้รัสเซียและคู่แข่งสำคัญต่างๆของสหรัฐ ซึ่งสิ่งนี้จะไม่เป็นประโยชน์ต่อยุทธศาสตร์ของวอชิงตัน โดยเฉพาะต่อฐานทัพอากาศของสหรัฐในตุรกี

ในทางเป็นเป็นจริง ในหลายวันมานี้ รัสเซียและตุรกีได้ตัดสินใจกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และก่อนหน้านั้น ตุรกีได้ปฏิเสธสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรของฝ่ายตะวันตกต่อรัสเซียและไม่มีแผนสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่าน ส่วนอิหร่านได้ประกาศว่า จะร่วมมือกับตุรกีเพื่อรับมือกับแรงกดดันจากสหรัฐ ซึ่งความสัมพันธ์พันธมิตรระหว่างรัสเซีย ตุรกีและอิหร่านที่เริ่มจากความร่วมมือในปัญหาซีเรียจะได้รับการขยายและส่งเสริมให้แน่นแฟ้นมากขึ้น นอกจากนั้น ตุรกีก็พร้อมแสวงหาความสัมพันธ์พันธมิตรกับกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจเกิดใหม่ชั้นนำของโลกหรือ BRICS และองค์การร่วมมือเซียงไฮ้หรือ SCO แทนความสัมพันธ์กับกลุ่มพันธมิตรเก่า    

ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า การพบปะระดับสูงเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับตุรกีมีน้อยมากเมื่อเทียบกับมาตรการตอบโต้กัน ซึ่งเพื่อสามารถแก้ไขปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่ ตุรกีและสหรัฐต้องกลับมานั่งสนทนากันเพราะการข่มขู่และสร้างแรงกดดันมีแต่จะสร้างผลกระทบในทางลบให้แก่ทั้ง 2 ฝ่ายเท่านั้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด