ความเมตตากรุณา ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

(VOVworld)-วันที่16พฤศจิกายนปี1996 องค์การยูเนสโก้ได้จัดงานวันแห่งความเมตตาสากล เป็นครั้งแรกและนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน วันที่16พฤศจิกายนของทุกปีจึงเป็นโอกาสเพื่อให้ประชาคมโลกร่วมจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อส่งเสริมและเชิดชูกิจกรรมที่เปี่ยมด้วยความเมตตาในประเทศต่างๆรวมทั้งในเวียดนาม ต่อไปนี้ทางรายการขอเสนอบทความของนายหวูหาย รองประธานสถานีวิทยุเวียดนามที่เขียนเกี่ยวกับหัวข้อนี้ในหัวเรื่อง “ความเมตตากรุณา ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต


(VOVworld)-วันที่16พฤศจิกายนปี1996 องค์การยูเนสโก้ได้จัดงานวันแห่งความเมตตาสากล เป็นครั้งแรกและนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน วันที่16พฤศจิกายนของทุกปีจึงเป็นโอกาสเพื่อให้ประชาคมโลกร่วมจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อส่งเสริมและเชิดชูกิจกรรมที่เปี่ยมด้วยความเมตตาในประเทศต่างๆรวมทั้งในเวียดนาม ต่อไปนี้ทางรายการขอเสนอบทความของนายหวูหาย รองประธานสถานีวิทยุเวียดนามที่เขียนเกี่ยวกับหัวข้อนี้ในหัวเรื่อง “ความเมตตากรุณา ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต”

ความเมตตากรุณา ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต - ảnh 1

คนเวียดนามเป็นชนชาติที่มีความเมตตากรุณาอย่างเปี่ยมล้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านสุภาษิตและคำสำนวนต่างๆที่ฝังลึกในจิตสำนึกของชาวเวียดนามรุ่นแล้วรุ่นเล่าอย่างเช่นสำหรับคนในครอบครัวก็มีคำว่า “Chi nga em nang”หมายถึง “พี่น้องร่วมสายเลือดต้องช่วยเหลือกัน” คำว่า “Lot sang xuong nia”หรือ“เรือล่มในหนองทองจะไปไหน” และคำว่า “Em thuan, anh hoa la nha co phuc”หมายถึง  “บ้านไหนที่พี่น้องมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันบ้านนั้นก็มีความสุข” ส่วนสำหรับความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านก็มีคำที่เป็นคติสอนใจอย่างเช่น “Ban anh em xa, mua lang gieng gan”หรือ “เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ดีกว่าพี่น้องที่อยู่ไกล” “Hang xom toi lua tat den co nhau” หมายถึง “เมื่อเป็นเพื่อนบ้านกันก็คอยให้ความช่วยเหลือกันยามลำบาก” “Chin bo lam muoi” หรือ “ผ่อนสั้นผ่อนยาว”  “Mot dieu nhin, chin dieu lanh” หมายถึงการยินยอมให้อีกฝ่ายเป็นผู้ชนะ เพื่อให้เรื่องราวที่มีปัญหาสงบหรือยุติลงหรือ “แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร” หรือก็มีสุภาษิตสำหรับคนทั่วไปว่า  “Bau oi thuong lay bi cung, tuy rang khac giong nhung chung mot gian”หรือ “คนเราแม้จะต่างชนชาติแต่เมื่ออยู่ในบ้านเดียวกันก็ต้องรักใคร่ปรองดองกัน” “La lanh dum la rach” หมายถึง“คนที่มีกินช่วยคนที่อดอยาก” “Thuong nguoi nhu the thuong than” หมายถึง “รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเอง”  เป็นต้น สำหรับบรรพบุรุษนั้นการปฏิบัติต่อเชลยศึกก็เปี่ยมด้วยความมีมนุษยธรรมดังที่ นักเขียน เหงวียนฉาย ได้เขียนในหนังสือ บิ่งโงด๋ายก๊าว ว่า “นายพลฝ่ายตรงข้ามที่ถูกจับกุมก็เหมือนเสือโคร่งยอมหมอบ เพื่อความเมตตาธรรมเราปล่อยตัว นายพลหลายคนของฝ่ายศัตรูที่ถูกจับอย่าง เสินอู หม้าชี้ ฝางเชิง หวางทุงและหม้าอิ้ง ได้รับการปล่อยตัวพร้อมกับกองเรือน้อยหลายร้อยลำและม้าหลายร้อยตัวเมื่อกลับถึงประเทศก็ยังไม่หายหวาดกลัว” 

ความเมตตากรุณา ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต - ảnh 2
เด็กสองสีผิวเล่นด้วยกันที่นครเคปทาวน์(UN 1982)

ในยุคปัจจุบัน ยังมีคนเวียดนามที่เป็นแบบอย่างแห่งความเมตตาอารีและการให้อภัยที่ปรากฎให้เห็นมากมายในชีวิตทั้งในยามสงครามและยามสันติ โดยในช่วงสงครามเวียดนามมีทหารสหรัฐอเมริกาหลายคนได้มีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมสงครามอย่างเหี้ยมหดเช่นกรณีการสังหารหมู่ชาวบ้านหมีลายในจังหวัดกว๋างง่ายเมื่อวันที่16มีนาคมปี1968 ซึ่งเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า500คนและส่วนใหญ่คือเด็กและสตรี ซึ่งทหารผ่านศึกอเมริกันที่เคยร่วมในเหตุการณ์วันนั้นยังคงรู้สึกทรมารใจต่อโทษกรรมที่โหดร้ายนั้นและตัดสินใจกลับมาเยือนผืนแผ่นดินแห่งความปวดร้าวหมีลายเพื่อขอการให้อภัยโทษจากประชาชนเวียดนาม ซึ่งนางฝามถิถวน หนึ่งในพยานในเหตุการณ์วันนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ตอบคำถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอต่อคำกล่าวขอโทษจากทหารอเมริกันว่า “ครอบครัวของดิฉันมี6คนที่ถูกฆ่าในวันนั้น ซึ่งนับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มากไม่มีอะไรสามารถชดเชยได้ แต่เรื่องเศร้าโศกเสียใจนั้นมันก็ผ่านไปแล้ว ดิฉันอภัยให้เขาเพราะพวกเขาก็สำนึกในความผิดอย่างจริงใจ” หรือกรณีสังหารหมู่ที่แถกฟอง จ.เบ๊นแจ เมื่อวันที่25กุมภาพันธ์ปี1969โดยฝีมือของหน่วยทหาร SEAL นำโดยนาย บอบ แคร์รีย์ ซึ่งได้สังหารประชาชนที่มีทั้งผู้สูงอายุ สตรีและเด็ก21คน ซึ่งหลังจากที่สงครามเวียดนามยุติลงนาย บอบ แคร์รีย์ก็ได้เป็นวุฒิสมาชิกสหรัฐและเขาได้บอกกับครอบครัวเสมอว่าเขารู้สึกผิดจนทรมารใจมากต่อการกระทำที่น่าอับอายในอดีตมาตลอดชีวิตและอยากกล่าวขอโทษรมทั้งขอให้ประชาชนหมู่บ้านแถกฟองให้อภัยแก่เขา สำหรับครอบครัวที่ถือเป็นผู้เคราะห์ร้ายของเขานั้นก็ต่างได้แสดงความเห็นว่า “แม้พวกเขาจะโกรธแค้นมากแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากเก็บความแค้นไว้ในใจไปตลอดชีวิต เพราะถ้ามัวแต่โทษและเคียดแค้นก็จะทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้คนที่ทำผิดสำนึกผิดไปเองถือเป็นการชดใช้โทษกรรมที่ก่อไว้ได้ดีที่สุด”

ความเมตตากรุณา ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต - ảnh 3
เมื่อไม่นานนี้ ภาพของผู้เป็นแม่สองคนซึ่งเป็นแม่ของผู้เคราะห์ร้ายและแม่ของผู้กระทำผิดต่างสวมกอดกันร้องไห้แล้วแม่ของผู้เคราะห์ร้ายก็ขอให้ศาลลดโทษให้ผู้ที่ฆ่าลูกของตัวเองได้สร้างความซาบซึ้งใจให้แก่ทุกคน  การที่ทหารผ่านศึกในหมู่บ้านชนบทเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงได้สมทบเงินเพื่อก่อสร้างสะพานถาวรช่วยเด็กได้ไปโรงเรียน คุณครูสูงอายุสละเวลายามค่ำคืนเปิดชั้นเรียนฟรีให้แก่เด็กพิการที่ไม่มีโอกาสไปโรงเรียน  ตลอดจนครูรุ่นใหม่ทั้งหญิงและชายอาสาไปรับหน้าที่เป็นครูสอนเด็กๆในเขตเขาสูง เขตทุรกันดารเพื่อช่วยให้พวกเขารู้หนังสืออ่านออกเขียนได้เพื่อมีอนาคตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งทั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการกระทำที่เปี่ยมน้ำใจที่อารีของคนใดคนหนึ่งเท่านั้นหากยังถือเป็นบทเรียนแห่งการให้อภัยและความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติเวียดนามอีกด้วย

ไม่ควรลืมอดีตแต่ก็ไม่ควรจดจำความอาฆาตไว้ในใจ ความรักไคร่ความอารีจะช่วยคลายความโกรธแค้นลง ความเมตตากรุณานั้นมิได้หมายถึงการผ่อนปรนหรือยอมเสียศักดิ์ศรี ตามใจใคร หากเป็นการให้ความเคารพ ยอมรับและยกย่องความหลากหลายของวัฒนธรรมโลก และความหมายที่สูงส่งที่สุดของความเมตตากรุณาก็คือการส่งเสริมผลักดันการยอมรับและปฏิบัติสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เป็นการเชิดชูยกย่องความมีวัฒนธรรมของมนุษย์ที่อยู่ในหัวใจของทุกคน และสำหรับคนเวียดนามนั้น ความเมตตากรุณาคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต./.

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด