ค้ำประกันประสิทธิภาพการช่วยเหลือสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม

(VOVWORLD) -ร่างกฎหมายสนับสนุนสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่คาดว่าจะได้รับการพิจารณาอนุมัติในการประชุมครั้งที่3รัฐสภาสมัยที่14มีความหมายสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ  โดยเฉพาะ หลังจากมีมติของพรรคเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน  ในการประชุมรัฐสภา เนื้อหาเกี่ยวกับการสนับสนุนสถานประกอบการได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากบรรดาผู้แทนเพราะต้องหาทางทำให้ข้อกำหนดต่างๆที่ถูกระบุในร่างกฎหมายนี้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและมีความสะดวกในการบังคับใช้ 
ค้ำประกันประสิทธิภาพการช่วยเหลือสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม - ảnh 1 ภาพของการประชุมรัฐสภา (Photo: quochoi.vn)

  ปัจจุบัน เวียดนามมีสถานประกอบการ612,000แห่ง  ซึ่งร้อยละ97-98เป็นสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม  ดังนั้น  ร่างกฎหมายสนับสนุนสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมฉบับนี้จึงมีข้อหนดใหม่ที่เพิ่มเติมจากที่เคยเสนอต่อที่ประชุมครั้งที่2รัฐสภาสมัยที่14เพื่อช่วยเหลือสถานประกอบการ เช่น การช่วยเหลือค่าเช่าสถานที่  กำหนดนโยบายการช่วยเหลือในภาพรวมและนโยบายสนับสนุนสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมและครอบครัวที่พัฒนาการประกอบธุรกิจอย่างมีความคิดสร้างสรรค์

รูปแบบความช่วยเหลือที่หลากหลาย

  การช่วยเหลือสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสถานที่ผลิตและการให้สิทธิพิเศษด้านภาษีเป็นสิ่งที่จำเป็น  การช่วยเหลือในด้านที่สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมมีความต้องการจะช่วยให้สถานประกอบการสามารถพัฒนาอย่างถูกทิศทางและมีส่วนร่วมไม่น้อยต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ  ดังนั้น บรรดาผู้แทนรัฐสภาได้เห็นว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวต้องกำหนดรูปแบบและเนื้อหาช่วยเหลือที่ชัดเจนและเหมาะกับสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมบนพื้นฐานของการค้ำประกันความยุติธรรม  สำหรับการช่วยเหลือด้านสินเชื่อ นาง มายถิแอ๊งเตวี๊ยด  ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดอานยางได้เผยว่า “เงินทุนเป็นแหล่งพลังที่สำคัญในการผลิตและการประกอบธุรกิจของสถานประกอบการแต่สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมมักประสบอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน  ดังนั้น ร่างกฎหมายต้องมีข้อกำหนดเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการด้านเงินทุนของสถานประกอบการอย่างทันการณ์  กำหนดความโปร่งใสในการจัดอันดับสินเชื่อสถานประกอบการ หลักการ มาตรการและสนองข้อมูลในการจัดอันดับสินเชื่อสถานประกอบการเพื่อตอบสนองความต้องการของระบบธนาคารพาณิชย์และปกป้องสิทธิผลประโยชย์ของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม”

การช่วยเหลือด้านภาษีก็เป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจจากบรรดาผู้แทน นาย มายห่งหาย  ผู้แทนรัฐสภานครไฮฟองได้เผยว่า “ปัญหาต่างๆ เช่น การช่วยเหลือด้านภาษีเงินได้สถานประกอบการต้องได้รับการกำหนดอย่างชัดเจนเพื่อค้ำประกันการปฏิบัติอย่างพร้อมเพรียงเมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่1 มกราคมปี2018แทนการรอการแก้ไขกฎหมายด้านภาษี  รายงานเกี่ยวกับการประเมินผลกระทบต่อสถานประกอบการปรากฎว่า มีสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมร้อยละ55มีผลกำไร  ถ้าหากลดภาษีเงินได้สถานประกอบการให้อยู่ที่ร้อยละ3และ5  ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้เข้างบประมาณแผ่นดินไม่มากนักแต่สามารถช่วยเหลือสถานประกอบการพัฒนา สร้างงานทำและเพิ่มรายรับงบประมาณในอนาคต”

สถานที่ผลิตก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญต่อสถานประกอบการแต่ในสถานการณ์ที่เป็นจริง  สถานประกอบการยากที่จะเข้าถึงได้เนื่องจากการทำระเบียบราชการที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน  ซึ่งทำให้พลาดโอกาสการลงทุน  สถานประกอบการบางแห่งเห็นว่า การลดภาษีการเช่าที่ดินไม่ใช่สิ่งสำคัญแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำอย่างไรเพื่อให้มีสถานที่ผลิตและประกอบธุรกิจโดยเร็ว  นาย เจิ่นวันเลิม  ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดบั๊กยางได้แสดงความคิดเห็นว่า “มาตราที่11ของกฎหมายมีเนื้อหาที่สนับสนุนสถานที่ผลิตแต่เน้นในเขตอุตสาหกรรมเท่านั้น  แต่ในสถานการณ์ที่เป็นจริง สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจด้านการค้าและการบริการ ซึ่งความต้องการด้านสถานที่เป็นสิ่งสำคัญมาก  ส่วนในมาตราที่12ได้กำหนดการสนับสนุนการจัดตั้งดขตประกอบธุรกิจร่วม  นี่เป็นสิ่งที่จำเป็นแต่ยังไม่เพียงพอ  ผมเห็นว่า ต้องกำหนดให้ทางการท้องถิ่นต้องวิเคราะห์สถานการณ์ที่เป็นจริงเพื่อจัดสรรที่ดินและจัดทำกลไกผลักดันการก่อสร้างศูนย์การค้าให้เช่าในราคาที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมในการประกอบธุรกิจด้านการค้าและการบริการ”

การสนับสนุนการขยายตลาดก็ต้องมีกลไกเพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบการขนาดใหญ่เชื่อมโยงกับสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อให้สถานประกอบการขนาดย่อมเข้าร่วมกระบวนการผลิตสนับสนุนสถานประกอบการขนาดใหญ่  โดยเฉพาะ สำหรับสถานประกอบการที่มีส่วนแบ่งระดับแถงหน้าของตลาด

ค้ำประกันประสิทธิภาพการช่วยเหลือสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม - ảnh 2นาง มายถิแอ๊งเตวี๊ยด  ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดอานยาง (Photo: vietnamplus.vn) 

            เน้นสนับสนุนสถานประกอบการสตาร์ทอัพในเชิงสร้างสรรค์

  การประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพในเชิงสร้างสรรค์เป็นแนวทางที่จำเป็นในระยะปัจจุบันเพื่อผลิตมีภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งจะสร้างก้าวกระโดดให้แก่เศรษฐกิจเวียดนาม  แต่อย่างไรก็ดี ยังมีความเข้าใจที่แตกต่างกันในการกำหนดนิยามของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมสตาร์ทอัพ นาง มายถิแอ๊งเตวี๊ยด  ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดอานยางได้เห็นว่า“เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพของระบบนโยบายในร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดระหว่างสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมสตาร์ทอัพที่ในเชิงสร้างสรรค์กับสถานประกอบการสร้างฐานะหรือสถานประกอบการภาคเอกชน  ดิฉันขอเสนอให้การจัดทำร่างกฎหมายและเอกสารต่างๆต้องกำหนดเนื้อหาและความหมายที่ชัดเจนของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อให้การสนับสนุนด้านนโยบายที่ถูกต้อง”

เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการสตาร์ทอัพในเชิงสร้างสรรค์ได้พัฒนา นาย เหงวียนชี้หยุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนามเห็นว่า ในจำนวน3กองทุนสนับสนุนสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ถูกระบุในร่างกฎหมาย มีกองทุนใหม่ที่มีชื่อว่า กองทุนลงทุนสตาร์ทอัพที่มีในเชิงความคิดสร้างสรรค์ “กองทุนนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะช่วยส่งเสริมกิจกรรมการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีความคิดสร้างสรรค์  ปฏิบัติความคิดริเริ่มบนพื้นฐานการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาด้านเทคโนโลยีและความเป็นไปได้ในการขยายตัวอย่างรวดเร็ว  การจัดตั้งกองทุนนี้ได้เปิดช่องทางช่วยเหลือด้านเงินทุนให้แก่สถานประกอบการและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”

เอกสารทางนิตินัยเกี่ยวกับการสนับสนุนสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมฉบับปัจจุบันล้วนเป็นเอกสารแม่บท  ซึ่งยังไม่มีข้อกำหนดที่เป็นรูปธรรมในการช่วยเหลือสถานประกอบการอย่างพร้อมเพรียงและมีประสิทธิภาพ   ดังนั้น การร่างกฎหมายสนับสนุนสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมจะมีส่วนช่วยค้ำประกันการประกอบธุรกิจของสถานประกอบการมีประสิทธิภาพและมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจเวียดนาม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด