ซีเรียกำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความไร้เสถียรภาพรอบใหม่

(VOVWORLD) - ประชาชนซีเรียเคยรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอสถูกขับไล่ออกจากประเทศนี้เมื่อปลายปี 2017 และเชื่อว่า นี่จะเป็นโอกาสเพื่อสร้างสรรค์ชีวิตใหม่ แต่แท้จริงแล้วในปัจจุบัน ซีเรียยังคงต้องเผชิญกับความไร้เสถียรภาพ โดยเฉพาะในหลายวันที่ผ่านมา สถานการณ์ในซีเรียได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากสื่อต่างประเทศหลายแขนงเนื่องจากข่าวการใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองโดว์มา   ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ทำให้ซีเรียมีความเสี่ยงที่จะตกเข้าสู่วังวนแห่งความไร้เสถียรภาพรอบใหม่เพราะเมื่อ 1 ปีก่อน สหรัฐได้ยิงจรวดโทมาฮอร์คหลายสิบลูกใส่ซีเรีย โดยอ้างเหตุผลว่า มีการใช้อาวุธเคมีเช่นเดียวกัน
ซีเรียกำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความไร้เสถียรภาพรอบใหม่ - ảnh 1สถานการณ์ในเมือง Aleppo (Photo: AFP) 

หลังจากที่ความพยายามไกล่เกลี่ยประสบความล้มเหลว เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพของรัฐบาลซีเรียได้ทำการโจมตีเมือง โดว์มา   ใกล้กรุงดามัสกัสที่กำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังฝ่ายต่อต้าน โดยการปะทะกันระหว่าง 2 ฝ่ายได้ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์หลายสิบคนเสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตจากก๊าซพิษหลายราย ถึงแม้เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการสืบสวนข้อเท็จจริง แต่ก็ได้ถูกยื่นเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อีกทั้งสร้างความถกเถียงกันระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ โดยสหรัฐได้ประกาศว่า จะมีมาตรการตอบโต้รัฐบาลซีเรียโดยไม่สนใจว่า จะได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติหรือไม่ก็ตาม

ทำไมเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเมืองโดว์มา   

เมือง โดว์มาคือหนึ่งในฐานที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังฝ่ายต่อต้านในเขต    Ghouta ตะวันออก โดยในตลอด 6ปีที่ผ่านมา กองกำลังฝ่ายต่อต้านและกลุ่มกบฎได้ใช้เมือง โดว์มาเป็นฐานที่มั่นเพื่อทำการโจมตีกรุงดามัสกัส ส่วนการยึดครองเขต  Ghouta ตะวันออกของกองทัพรัฐบาลถือเป็นชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์ที่ช่วยเปลี่ยนแปลงสภาพสงครามกลางเมืองที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2011 และมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อนาย บาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรียเพราะสามารถยึดครองฐานที่มั่นที่สำคัญสุดท้ายใกล้กรุงดามัสกัสของกองกำลังฝ่ายต่อต้าน อันเป็นการยืนยันถึงชัยชนะของพันธมิตรรัสเซีย-ซีเรียและการสูญเสียบทบาทและสถานะของสหรัฐและพันธมิตรในประเทศซีเรีย

ข่าวการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในเมืองโดว์มาถูกเผยแพร่ตรงกับช่วงที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านพ่ายแพ้ในเมืองโดว์มา โดยทางการของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด และรัสเซียได้เผยว่า นี่คือแผนการเพื่อหันเหความสนใจของประชามติจากยุทธนาการต่อต้านการก่อการร้ายในซีเรีย ซึ่งถูกคัดค้านจากสหรัฐและพันธมิตรฝ่ายตะวันตก โดยนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้โยนความผิดให้แก่รัสเซียและอิหร่านที่สนับสนุนรัฐบาลซีเรียเนื่องจากกล่าวหารัฐบาลซีเรียว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว และเผยว่า จะมีมาตรการตอบโต้รัฐบาลซีเรียแม้จะได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติหรือไม่ก็ตาม โดยได้สั่งให้เรือพิฆาต USS Donald Cook พร้อมจรวดโทมาฮอร์คหลายสิบลูกมุ่งเข้าใกล้ท่าเรือ Tartus และเรือพิฆาต USS Porter ได้มุ่งหน้าไปยังท่าเรือ Tartus ของซีเรีย

ในการประชุมฉุกเฉินของสหประชาชาติเมื่อวันที่ 9 เมษายน รัสเซียได้ยืนยันว่า ไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่า มีการโจมตีด้วยอาวุธเคมี พร้อมทั้งได้เชิญตัวแทนของสหประชาชาติลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและเตือนเกี่ยวกับผลเสียหายที่รุนแรงถ้าหากฝ่ายต่างๆทำการโจมตีซีเรีย แต่สหรัฐได้เพิกเฉยและยังคงโยนความผิดให้แก่ทางการของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด และรัสเซีย

ในขณะเดียวกัน รัสเซียได้สั่งให้ทหารที่ฐานทัพเรือ Tartus และฐานทัพอากาศ   Khmeimim  เตรียมพร้อมในระดับสูสุด  โดยเตรียมจรวดต่อต้านขีปนาวุธพิสัยไกล  S-400  Pantsir-S1 รวมถึงเครื่องบินรบ Su-30SM และ Su-35

การวางแผนการต่างๆ

บรรดานักวิเคราะห์ได้เผยว่า สหรัฐได้คำนึงถึงผลประโยชน์อื่นๆในซีเรีย รวมถึงการขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้และการใช้ประโยชน์จากแหล่งทรัพยากรของซีเรีย ตลอดจนโค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาดเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ไม่สนับสนุนรัสเซีย ซึ่งหนึ่งในแผนการที่ใช้ซ้ำไปซ้ำมาก็คือการกล่าวหารัฐบาลซีเรียว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมี

นอกจากนี้ สหรัฐยังมีความทะเยอทะยานที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านภูมิรัฐศาสตร์กับรัสเซียในภูมิภาคและยุติอิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น สามารถเห็นได้ชัดว่า ความตึงเครียดในซีเรียกำลังถูกสหรัฐและฝ่ายตะวันตกผลักดันให้ทวีความรุนแรงมากขึ้นในขณะที่การต่อต้านการก่อการร้ายในซีเรียใกล้จะยุติลง ส่วนกระบวนการสันติภาพก็มีสัญญาณที่น่ายินดีหลังการเจรจาสันติภาพครั้งต่างๆ ซึ่งข้อกล่าวหาของสหรัฐเกี่ยวกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในเมืองโดว์มาเป็นการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้สูญเสียสถานะในตะวันออกกลางและพยายามเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคนี้ แต่อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐขู่ว่า อาจจะใช้ทุกมาตรการได้ทำให้สถานการณ์ในซีเรียตึงเครียดมากขึ้น ไม่ว่าสหรัฐจะใช้แผนการอะไรก็ตาม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด