ประชามติโลกเกี่ยวกับชัยชนะวันที่ 30 เมษายนของเวียดนาม

(VOVWORLD) -ชัยชนะครั้งประวัติศาสต์วันที่ 30 เมษายนปี 1975 ที่ปลดปล่อยภาคใต้ รวมประเทศเวียดนามเป็นเอกภาพคือเหตุการณ์ที่โดดเด่นของโลกเมื่อปี 1975 โดยประชามติโลกให้ข้อสังเกตว่า เป็นชัยชนะอันรุ่งโรจน์ของภารกิจการปลดปล่อยประชาชาติที่ยาวนานถึง 30 ปีแห่งการต่อสู้อย่างกล้าหาญกับศัตรูผู้รุกรานของประชาชาติเวียดนาม สร้างหัวเลี้ยวหัวต่อในประวัติศาสตร์ของประชาชาติและมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการเมืองในภูมิภาคและโลก นี่คือพื้นฐานให้ประชาชนเวียดนามสร้างสรรค์ประเทศให้นับวันพัฒนาและยกระดับสถานะบนเวทีโลก
ประชามติโลกเกี่ยวกับชัยชนะวันที่ 30 เมษายนของเวียดนาม - ảnh 1ประชาชนเวียดนามในวันที่ 30 เมษายนปี 1975 (Photo Jacques Pavlovsky/Sygma/Corbis )

เวลา 11.30 น. วันที่ 30 เมษายนปี 1975 ธงของกองกำลังปลดปล่อยประเทศได้โบกสบัดบนดาดฟ้าทำเนียบดกเหลิบหรือทำเนียบเอกราช ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของทางการหุ่นไซ่ง่อนที่สหรัฐอเมริกาตั้งขึ้น ทางการของประธานาธิบดีเยืองวันมิงห์ถูกจับกุมทั้งหมดและต้องประกาศยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข ประเทศเวียดนามได้รับเอกราชและเอกภาพอย่างสมบูรณ์

เหตุการณ์วันที่ 30 เมษายนปี 1975 ได้สร้างชื่อเสียงงที่ก้องกังวานไปทั่วโลกเกี่ยวกับประชาชาติที่ไม่ยอมเป็นทาส ซึ่งมีความหมายสำคัญทั้งต่อประชาชาติเวียดนามและประชาคมโลก

ประชาชนที่ใฝ่สันติภาพในโลกแสดงความยินดีต่อชัยชนะของเวียดนาม

ในช่วงนั้น สำนักข่าวนานาชาติได้ประเมินว่า ชัยชนะวันที่ 30 เมษายนของเวียดนามได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั่วโลก อันเป็นการยืนยันว่า ช่วงเวลาที่ประเทศมหาอำนาจใช้กำลังเพื่อปราบปรามลัทธิชาตินิยมได้ยุติลง ซึ่งนับเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์ที่สุดของประชาชาติหนึ่งต่อชาติมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดของโลก

สำหรับชาวโลก ชัยชนะของประชาชาติเวียดนามได้ทำลายการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพสหรัฐที่มุ่งเป้าต่อกองกำลังปฏิวัติหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำลายฐานป้องกันที่สำคัญของจักรวรรดิอเมริกาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างความเชื่อมั่นและความปลึ้มปิติยินดีให้แก่ชาวโลกนับล้านคนที่กำลังต่อสู้เพื่อสันติภาพและเอกราชของประชาชาติ ประชาธิปไตยและสังคมนิยม

ดังนั้น ชัยชนะฤดูใบไม้ผลิปี 1975 ของประชาชนเวียดนามเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่หายากและสร้างความสุขเหลือที่จะกล่าวของประชาชนที่ใฝ่สันติภาพ นาง เมอร์เล รัดเนอร์ ชาวอเมริกันที่เป็นสมาชิกคณะกรรมการยุทธนาการกู้ภัยและมีความรับผิดชอบต่อผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนามได้เผยว่า ในช่วงสงครามที่เวียดนาม เธอมีความเชื่อมั่นว่า ประชาชนเวียดนามจะชนะอย่างแน่นอน ดังนั้น ชัยชนะดังกล่าวของเวียดนามได้สร้างความเชื่อมั่นว่า ถ้าหากประชาชาติใดสามัคคีในการต่อสู้เพื่อมโนธรรมก็ย่อมได้รับชนะอย่างแน่นอน

นาย อีเลีย ยากีแมนโก ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกศึกษาของรัสเซียเคยทำงานกับนักศึกษาเวียดนาม ณ เมือง Irkutsk สหพันธรัฐรัสเซียเล่าว่า “ตอนนั้น ชาวสหภาพโซเวียดได้กระโดดขึ้นแล้วโห่ร้องแสดงความยินดีเมื่อได้ฟังข่าวที่เวียดนามชนะอเมริกาเพราะเวียดนามอยู่ในดวงใจของชาวรัสเซียผ่านการชุมนุมสนับสนุนเวียดนามที่ได้ถ่ายทอดทางโทรทัศน์หรือโพสเตอร์และคำขวัญที่แขวนไว้ตามที่ต่างๆ”

ส่วนในการกล่าวปราศรัยในโอกาสเยือนเวียดนามเมื่อปี 2017 ประธานรัฐสภาคิวบา เอสเตบัน ลาโซ เฮอร์นัลเดซ ได้แสดงความคิดเห็นว่า            “ประชาชนเวียดนามที่กล้าหาญซึ่งเป็นผู้ที่สร้างชัยชนะอย่างน่ามหัศจรรย์ได้เอาชนะผู้รุกรานที่มีศัยกภาพด้านเศรษฐกิจมากที่สุดของโลก เวียดนามได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่มีใครและไม่มีอะไรสามารถชนะผู้ที่ต่อสู้ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อภารกิจอันชอบธรรมและพร้อมที่สละชีวิตให้แก่ประเทศและผู้ที่มีสายเลือดแห่งความกล้าหาญของวีรชน”

ชื่นชมผลสำเร็จของการปฏิวัติในยามสันติ

ประชาชนเวียดนามได้รับความเคารพศัรทธาไม่เพียงแต่จากชัยชนะที่รุ่งโรจน์ในวันที่ 30 เมษายนปี 1975 เท่านั้น หากยังเนื่องจากบุคลิกภาพที่ดีงามในภารกิจสร้างสรรค์ประเทศ แม้หลายคนไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อทางประวัติศาสตร์ของเวียดนามแต่ก็รู้สึกโชคดีที่ได้เห็นการปกป้องประเทศของเวียดนามหลังสงคราม โดยเฉพาะการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในยามสันติ กว่า 4 ทศวรรษได้ผ่านพ้นไปนับตั้งแต่วันชัยชนะดังกล่าว แต่ประชาชาติเวียดนามที่กล้าหาญในสงครามกู้ชาติยังคงส่งเสริมสติปัญญา ความมุ่งมั่น การฟันฝ่าอุปสรรค การเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกจนประสบความสำเร็จ ซึ่งได้สร้างก้าวพัฒนาต่างๆที่น่าประทับใจ นาง ราฮายู ซาราสวาตี ส.ส.อินโดนีเซียให้ข้อสังเกตว่า“ดิฉันคิดว่า เวียดนามสามารถทำได้สิ่งที่น่ายกย่อง เมื่อเดินทางมาเยือนเวียดนาม ดิฉันก็เห็นการพัฒนาที่เป็นก้าวกระโดด โดยเฉพาะการดึงดูดนักลงทุนในด้านเศรษฐกิจ การมีบรรยากาศลงทุนที่สะดวกพร้อมกับนโยบายเปิดประเทศ เวียดนามกำลังจะมีโอกาสใหม่ๆมากมาย”

ส่วนนาย โอสมาเน ดีวัน ผู้อำนวยการแห่งชาติของธนาคารโลกประเมินว่า            “พวกเราขอชื่นชมรัฐบาลเวียดนามเกี่ยวกับผลสำเร็จต่างๆที่ได้บรรลุในหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างนิมิตหมายด้วยอัตราการขยายตัวที่น่าประทับใจ ความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและสถานะของเวียดนามนับวันสูงเด่นมากขึ้นบนเวทีโลก ผมขอชื่นชมเวียดนามที่ได้บรรลุผลสำเร็จในการปฏิรูปราชการ ธนาคาร การลงทุนภาครัฐและการแก้ปัญหาหนี้เสีย”

ประชาชนเวียดนามสามารถภูมิใจในผลสำเร็จที่ได้บรรลุหลังวันปลดปล่อยภาคใต้ รวมประเทศเป็นเอกภาพ 30 เมษายนปี 1975 ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนทางจิตใจที่สำคัญและสร้างพลังความเข้มแข็งเพื่อช่วยให้ประเทศและประชาชาติเดินบนเส้นทางแห่งการพัฒนาประเทศต่อไปอย่างมั่นคง.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด