ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการหาเสียงเลือกตั้ง (Photo Reuters)

ในการเลือกตั้งโค้งสำคัญนี้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ลงคะแนนเพื่อเลือกสมาชิกสภาล่างทั้งหมด เลือกสมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 3 เลือกผู้ว่าการรัฐ 36 ที่นั่งและสมาชิกสภาระดับท้องถิ่น 6,000 ที่นั่ง ซึ่งก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครีพับลิกันของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ครองอำนาจทั้งในวุฒิสภาและสภาล่าง

นี่ถือเป็นการเลือกตั้งกลางเทอมเพื่อประเมินความไว้วางใจของประชาชนต่อตัวนายโดนัลด์ ทรัมป์และพรรครีพับลิกัน แนวทางในเวลาข้างหน้าของประเทศสหรัฐ ปัญหาความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติ สังคมและชื่อเสียงของประเทศสหรัฐบนเวทีโลก

การแข่งขันที่ดุเดือด

ก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้ตั้งใจรักษาที่นั่งข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาล่างแม้พรรคเดโมแครตได้มุ่งเน้นโจมตีนโยบายต่างๆของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์อก็ตามและในช่วงสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง บรรดาสมาชิกที่มีชื่อเสียงของทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต เช่น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ต่างได้ขึ้นเวทีหาเสียงและกล่าวตำหนิคู่แข่ง

นอกจากนี้ ความดุเดือดของการแข่งขันระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่ของสหรัฐสะท้อนให้เห็นผ่านวงเงินที่ทั้งสองพรรคใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งที่สูงถึงเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งรัฐสภาสหรัฐกึ่งวาระ โดยส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการประชาสัมพันธ์ในทุกรูปแบบ

ตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ การเลือกตั้งโค้งสำคัญนี้ของสหรัฐเป็นการแข่งขันที่น่าจับตามาก โดยในตลอดเวลานับคะแนน ทั้งสองพรรคต่างมีคะแนนไล่เลี่ย ผลัดกันมีคะแนนนำทั้งในสภาล่างและวุฒิสภาและคะแนนสนับสนุนก็ไม่ห่างกันมากนัก โดยเฉพาะในสภาล่าง ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความดุเดือดของการเลือกตั้งกลางเทอมเท่านั้นหากยังสะท้อนความคิดเห็นที่แตกต่างกันของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสหรัฐ

ความสะดวกและความท้าทาย

ผลการเลือกตั้งกึ่งวาระถือเป็นการทดสอบต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์และพรรครีพับลิกัน โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ยอมรับว่า ในตลอด 2 ปีที่ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีผลงานจากการตัดสินใจที่สร้างหัวเลี้ยวหัวต่อในปัญหาต่างๆ เช่น นโยบายการตัดลดภาษีได้ช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐพัฒนาพร้อมอัตราการขยายตัวที่มีเสถียรภาพ การขยายตัวของจีดีพีในสองไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 4.2 และร้อยละ 3.5 อัตราคนว่างงานที่ประกาศเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมลดลงเหลือเพียงร้อยละ 3.7 ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 1969 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา กำไรของสถานประกอบการสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าสถิติสูงสุด ธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเนื่องบนพื้นฐานการประเมินในเชิงบวกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า นโยบายทางเศรษฐกิจของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งผลดีและเป็นแรงกระตุ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้ตกอยู่ในภาวะซบเซาในช่วงก่อน

แต่อย่างไรก็ตาม ควบคู่กับผลสำเร็จทางเศรษฐกิจก็มีนโยบายบางอย่างของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นที่ถกเถียงภายในประเทศ เช่น การที่สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลง องค์การระหว่างประเทศและสนับสนุนจุดยืนของอิสราเอลเกี่ยวกับปัญหาเยรูซาเลม เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้ความขัดแย้งภายในสหรัฐลึกซึ้งมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเร็วๆนี้ นักการเมืองและผู้มีอิทธิพลหลายคน รวมทั้งสำนักข่าวใหญ่ๆของสหรัฐได้รับพัสดุไปรษณีย์ที่มีวัตถุระเบิดอยู่ข้างในรวมถึงเหตุกราดยิงต่างๆในสหรัฐก่อนการเลือกตั้งได้ทำให้บรรยากาศทางการเมืองในสหรัฐยิ่งมีความตึงเครียดมากขึ้น และแน่นอนว่าได้ทำให้ประชาชนมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังต้องแก้ไขปัญหาร้อนต่างๆ เช่น การลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ การเพิ่มเงินเดือนและการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นต้น

ประเทศสหรัฐก่อนการเลือกตั้งรัฐสภากึ่งวาระกำลังมีปัญหาหลายอย่างที่คั่งค้างต้องแก้ไขอยู่แล้ว ส่วนหลังการเลือกตั้งก็จะเป็นความแตกแยกที่ร้าวลึกในสังคมเกี่ยวกับแนวทางการบริหารประเทศ ในเวลาข้างหน้า ดังนั้นเรื่องที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของทั้งสองพรรคตั้งความหวังในขณะนี้คือ การสมานรอยร้าวภายในประเทศในสถานการณ์ที่การเมืองสหรัฐกำลังเกิดความแตกแยกมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองช่วงปี 1861-1865.