องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนและการบิดเบือนปั้นแต่งเรื่องเสรีภาพอินเตอร์เนตในเวียดนาม

(VOVworld)- เมื่อเร็วๆนี้ในวันเสรีภาพสื่อสากล3พฤษภาคม องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนได้ประกาศการจัดอันดับเสรีภาพสื่อโลกซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่ได้ระบุข้อมูลที่มีลักษณะยัดเยียดและกล่าวหาว่าเวียดนามขาดเสรีภาพสื่อมวลชนซึ่งเป็นข้อมูลที่ขัดกับสถานการณ์ที่เป็นจริงในเวียดนามได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเเจ้งถึงความไม่หวังดีและเป็นการฉกฉวยปัญหาเพื่อแทรกแซงกิจการภายในของเวียดนาม

(VOVworld)- เมื่อเร็วๆนี้ในวันเสรีภาพสื่อสากล3พฤษภาคม องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนได้ประกาศการจัดอันดับเสรีภาพสื่อโลกซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่ได้ระบุข้อมูลที่มีลักษณะยัดเยียดและกล่าวหาว่าเวียดนามขาดเสรีภาพสื่อมวลชนซึ่งเป็นข้อมูลที่ขัดกับสถานการณ์ที่เป็นจริงในเวียดนามได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเเจ้งถึงความไม่หวังดีและเป็นการฉกฉวยปัญหาเพื่อแทรกแซงกิจการภายในของเวียดนาม

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนและการบิดเบือนปั้นแต่งเรื่องเสรีภาพอินเตอร์เนตในเวียดนาม - ảnh 1

ตามข้อมูลใน “หนังสือปกขาวด้านอินเตอร์เนตเวียดนาม” นั้นปัจจุบันเวียดนามมีผู้ใช้บริการอินเตอร์เนต31ล้านคน คิดเป็นกว่าร้อยละ35ของประชากร อยู่ลำดับที่18จาก20ประเทศที่มีผู้ใช้อินเตอร์เนตมากที่สุดในโลก อยู่ลำดับที่8ในเอเซียและอันดับ3ในอาเซียน โดยเมื่อเทียบกับปี2000จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เนตได้เพิ่มขึ้นเป็น15เท่าและเวียดนามเป็นประเทศนำหน้าในอาเซียนด้านจำนวนการจดทะเบียน โดเมนเวียดนาม ส่วนตามข้อมูลจากกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์ จนถึงปี2012ยอดจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เนตผ่านระบบ3จีมีราว20ล้านคน จำนวนผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก8.5ล้านคนในปลายปี2012เพิ่มขึ้นเป็น12ล้านคนนับจนถึงเดือนมีนาคมปีนี้  เฉพาะการบริการบล๊อคอินเตอร์เนตในเวียดนามเช่น ผู้ใช้บริการบล๊อคของ ยาฮู360พลัส ก็มี2.3ล้านคน ของ ยูมี คือ2.4ล้าน wordpress.com คือ2.9ล้าน และจำนวนผู้ใช้บริการของ blogspot.com เป็น5.1ล้าน  ซึ่งทั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างเข้มแข็งของอินเตอร์เนตนับตั้งแต่ปี1997เนื่องจากนโยบายเปิดประเทศและให้ความเคารพเสรีภาพอินเตอร์เนตในเวียดนาม ดังนั้นเสรีภาพทางอินเตอร์เนตของเวียดนามเป็นสิ่งที่ไม่อาจปัดปฏิเสธได้และเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า คารมที่มีลักษณะบิดเบือนต่างๆเกี่ยวกับเสรีภาพสื่อมวชนในเวียดนามขององค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนนั้นถือเป็นสิ่งที่ไร้มูลความจริงโดยสิ้นเชิง

การที่องค์กรนี้ได้ระบุให้เวียดนามอยู่ในกลุ่มประเทศสุดท้ายของการจัดอันดับเสรีภาพสื่อมวลชนปี2013ได้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ไม่ถูกต้องและมีอคติเพื่อมุ่งยัดเยียดคารมที่ผิดพลาดเกี่ยวกับเสรีภาพทางอินเอตร์เนตในเวียดนาม ซึ่งต้องกล่าวย้ำว่า นับตั้งแต่มีการรำลึกวันต่อต้านการเซ็นเซอร์สื่ออินเทอร์เน็ตโลกเมื่อปี2008 องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนก็ได้จัดเวียดนามให้อยู่ในรายชื่อประเทศที่เป็นศัตรูของอินเตอร์เนตและนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันทัศนะนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้อินเตอร์เนตได้พัฒนาอย่างรวดเร็วในเวียดนามรวมไปถึงในรอบ5ปีมานี้ องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนยังจัดเวียดนามอยู่ในรายชื่อดังกล่าวก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงการประเมินที่ไม่โปร่งใสและสะท้อนให้เห็นถึงความไม่หวังดีของพวกเขาต่อสถานการณ์การพัฒนาอินเตอร์เนตในเวียดนาม โดยในรายงานเสนอเมื่อวันที่12มีนาคมซึ่งเป็นวันต่อต้านการเซ็นเซอร์สื่ออินเทอร์เน็ตโลก พวกเขาได้กล่าวหาว่าเวียดนามมีกองทัพแห่งความมั่นคงทางอินเตอร์เนตในขณะที่การรักษาความปลอดภัยทางอินเตอร์เนตเป็นส่วนงานที่ปกติสำหรับทุกประเทศที่มีการบริการอินเตอร์เนต นอกจากนี้เพื่อปกป้องมุมมองที่ไม่ถูกต้องดังกล่าวของตน พวกเขายังพยายามปั้นแต่งและกล่าวหาว่าเวียดนามปราบปรามเสรีภาพทางอินเตอร์เนตและเวียดนามคือเรือนจำใหญ่อันดับสองของโลกของพลเมืองเน็ต แต่ในทางเป็นจริงบล๊อคเกอร์ที่พวกเขาได้เอ่ยถึงเพื่อเอาเป็นตัวอย่างนั้นล้วนแต่เป็นบุคคลที่ฉกฉวยโอกาสและใช้อินเตอร์เนตเป็นเครื่องมือเพื่อก่อความไม่สงบในสังคมเวียดนาม ได้ถูกศาลของเวียดนามดำเนินคดีอย่างเปิดเผยและถูกตัดสินลงโทษในข้อหาละเมิดกฎหมายเวียดนาม  ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่า นอกจากมีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาอินเตอร์เนตแล้ว ทุกประเทศรวมทั้งเวียดนามก็ต้องมีข้อกำหนดและกฎหมายที่เข้มงวดเพื่อปกป้องผู้ใช้อินเตอร์เนตจากการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง เพื่อจำกัดผลกระทบที่ส่งผลเสียต่อขนบทำเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาติ ป้องกันบุคคลที่มีเจตนาร้ายไม่ให้ใช้อินเตอร์เนตเป็นช่องทางการเคลื่อนไหวเพื่อคุกคามความมั่นคงแห่งชาติในโลกแห่งการพัฒนาการสื่อสารที่ทันสมัยปัจจุบัน

ประชามติทั้งในและต่างประเทศต่างได้ตั้งข้อสงสัยว่า หากข้อมูลที่องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนได้ประกาศนั้นมีจริง ทำไมจำนวนผู้ใช้บริการอินเตอร์เนตในเวียดนามตั้งแต่ปี1997-2012สามารถเพิ่มขึ้นเป็น15เท่าได้ และหากไปศึกษาหาคำตอบแล้วก็จะเห็นว่า แก่นแท้ของปัญหาก็คือองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนจงใจกล่าวหาเกี่ยวกับเสรีภาพทางอินเตอร์เนตในเวียดนาม./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด