เปลี่ยนแปลงใหม่งานด้านการต่างประเทศเพื่อการพัฒนาประเทศในสถานการณ์ใหม่
(VOVWorld)-วันที่๒๒สิงหาคม ณ กรุงฮานอย ได้มีการจัดการประชุมด้านการทูตครั้งที่๒๙ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญของหน่วยงานการทูตเวียดนามที่ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ๒ปี โดยได้มีขึ้นภายหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่๑๒และในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ทั้งภายในและต่างประเทศกำลังต้องเผชิญทั้งความท้าทายและโอกาสต่างๆ ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จะถือเป็นการประชุมของการเปลี่ยนแปลงใหม่แนวคิด วิธีการและกำหนดแนวทางการต่างประเทศเพื่อนำประเทศก้าวเข้าสู่ระยะแห่งการพัฒนาใหม่ โดยเฉพาะ การพิทักษ์รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ
(VOVWorld)-วันที่๒๒สิงหาคม ณ กรุงฮานอย ได้มีการจัดการประชุมด้านการทูตครั้งที่๒๙ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญของหน่วยงานการทูตเวียดนามที่ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ๒ปี โดยได้มีขึ้นภายหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่๑๒และในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ทั้งภายในและต่างประเทศกำลังต้องเผชิญทั้งความท้าทายและโอกาสต่างๆ ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จะถือเป็นการประชุมของการเปลี่ยนแปลงใหม่แนวคิด วิธีการและกำหนดแนวทางการต่างประเทศเพื่อนำประเทศก้าวเข้าสู่ระยะแห่งการพัฒนาใหม่ โดยเฉพาะ การพิทักษ์รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ
นาย ฝามบิ่งมิง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม
|
การประชุมด้านการทูตครั้งที่๒๙ภายใต้หัวข้อ “ยกระดับประสิทธิภาพงานด้านการต่างประเทศและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก-ปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่๑๒ให้ประสบความสำเร็จ”จะประเมินการปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศในเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะ ในวาระ๕ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้ง กำหนดหน้าที่หลักของหน่วยงานการทูตในเวลาที่จะถึง เปลี่ยนแปลงใหม่แนวคิดเกี่ยวกับกิจกรรมการต่างประเทศให้มีความสมบูรณ์ โดยเฉพาะ แนวความคิดทางการทูตเพื่อการพัฒนา
งานด้านการต่างประเทศมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันต่อการปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ภายหลัง๓๐ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยเฉพาะ ในวาระของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่๑๑ สามารถยืนยันได้ว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตของเวียดนามไม่เคยได้รับการขยายกว้างเท่าในปัจจุบัน โดยนอกเหนือจากการเสริมสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีมาช้านาน ในเวลาที่ผ่านมา หน่วยงานการทูตเวียดนามได้เสร็จสิ้นการสร้างกรอบความสัมพันธ์หุ้นส่วนกับประเทศต่างๆที่มีอิทธิพลทั้งในภูมิภาคและโลก ซึ่งสร้างผลประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน การเมือง กลาโหม ความมั่นคงและวัฒนธรรมให้แก่ประเทศ จนถึงขณะนี้ เวียดนามได้สถาปนาความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้ากับ๒๒๔ประเทศและดินแดน มูลค่าการแลกเปลี่ยนทางการค้าและการบริการในช่วงปี๒๐๑๑-๒๐๑๕อยู่ที่๑ล้าน๔แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงปี๒๐๐๖-๒๐๑๐ เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไออยู่ที่เกือบ๖หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ๓๓เมื่อเทียบกับช่วงปี๒๐๐๖-๒๐๑๐ ในรอบ๕ปีที่ผ่านมา หน่วยงานการทูตเวียดนามมี๓๖หุ้นส่วนใหม่ ซึ่งเพิ่มจำนวนหุ้นส่วนที่รับรองระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามขึ้นเป็น๕๙หุ้นส่วน นาย ฝามบิ่งมิง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ให้ข้อสังเกตว่า “ในเวลาที่ผ่านมา เวียดนามได้ผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก จากแนวทางเบื้องต้นคือการผสมผสานด้านเศรษฐกิจ ในรอบ๕ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ผสมผสานในทุกด้าน โดยไม่เพียงแต่ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอหลายฉบับเท่านั้นหากยังผลักดันความร่วมมือในด้านกลาโหมและความมั่นคงอีกด้วย เช่น การที่เวียดนามเข้าร่วมกิจกรรมรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ เวียดนามยังมีบทบาทสำคัญในกลไกการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศต่างๆ เช่น สภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติและอาเซียน เป็นต้น นี่เป็นผลสำเร็จของกิจกรรมการต่างประเทศของเวียดนาม”
ควบคู่กันนั้น งานด้านการต่างประเทศยังมีส่วนร่วมสำคัญต่อหน้าที่การพิทักษ์รักษาอธิปไตย ทะเล เกาะแก่งและความมั่นคงของปิตุภูมิ ความผันผวนที่ซับซ้อนในทะเลตะวันออกส่งผลให้หน่วยงานด้านการต่างประเทศได้ใช้มาตรการต่างๆอย่างคล่องตัวทั้งการเมืองและการทูต การสนทนาหรือการพบปะหารือเพื่อยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน เป็นฝ่ายรุกในการใช้โอกาสต่างๆเพื่อลดความตึงเครียด ฟื้นฟูความไว้วางใจ ส่งเสริมความร่วมมือมิตรภาพและการสนทนาเพื่อแสวงหามาตรการแก้ปัญหาระยะยาว
การประชุมด้านการทูตครั้งที่๒๙ (Photo: vtv.vn)
|
เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชาติ
ผลสำเร็จด้านการต่างประเทศเป็นพื้นฐานที่สำคัญเพื่อนำประเทศเข้าสู่ระยะแห่งการพัฒนาใหม่ แต่อย่างไรก็ดี นอกจากความได้เปรียบแล้ว การผสมผสานเข้ากับกระแสโลกยังสร้างแรงกดดันต่อปัญหาวัฒนธรรม สังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศ การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่๑๒ได้กำหนดแนวทางการต่างประเทศที่สำคัญในภารกิจการสร้างสรรค์และปกป้องปิตุภูมิในอีกหลายปีข้างหน้าคือ “ยกระดับประสิทธิภาพของงานด้านการต่างประเทศ”และ“ปฏิบัติยุทธศาสตร์การเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก” เพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว การประชุมด้านการทูตครั้งที่๒๙ได้กำหนดว่า ต้องส่งเสริมสติปัญญาและประสบการณ์ของหน่วยงานการทูตเพื่อหารือและกำหนดแนวทางและมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อสร้างผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและการพัฒนา ยกระดับสถานะของประเทศบนเวทีโลก นาย ฝามบิ่งมิง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ย้ำว่า “ที่ประชุมครั้งนี้เน้นหารือเกี่ยวกับมาตรการปฏิบัติเป้าหมายสูงสุดของประเทศในระยะต่อไปคือ ต้องทำอย่างไรเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพผ่านการขยายความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆบนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศ เป็นฝ่ายรุกในการผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก เปลี่ยนแปลงใหม่แนวความคิดเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ เดินพร้อมกับสถานประกอบการและประชาชนในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก”
นอกจากนี้ หน่วยงานการทูตได้ผลักดันการประสานงานอย่างใกล้ชิดในด้านกลาโหม ความมั่นคงและการต่างประเทศเพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตย เอกภาพและบูรณภาพแห่งดินแดน รักษาสันติภาพและเสถียรภาพเพื่อการพัฒนา จากจิตใจแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่และความรับผิดชอบสูงต่อหน้าที่ที่พรรคและประชาชนได้มอบหมายให้แก่หน่วยงานการทูต การประชุมครั้งนี้จะเป็นการประชุมของความตั้งใจในการปฏิบัติ มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันต่อภารกิจการสร้างสรรค์และปกป้องปิตุภูมิ.