คุณหมอ เหงียนวันเจือง แม้อายุสูง แต่ยังคงมุ่งมั่นทำงาน

(VOVworld) – “ผมไม่เคยคิดว่า จะหาเงินสร้างความร่ำรวยเป็นหมอ นี่คือความคิดของคุณหมอ เหงียนวันเจือง อายุ 82 ปี ในความคิดของคนทั่วไป นี่คือวัยที่ควรพักผ่อนและอยู่ร่วมกับลูกหลาน แต่นาย เจือง ยังคงทุ่มเทกับการตรวจรักษาผู้ป่วยตั้งแต่เช้าจนถึงดึกดื่น สำหรับวันนี้ ขอเชิญท่านผู้ฟังร่วมกับนักข่าวของสถานีวิทยุเวียดนามาเยือนคลีนิคของดร. เหงียนวันเจือง
(VOVworld) – “ผมไม่เคยคิดว่า จะหาเงินสร้างความร่ำรวยเป็นหมอ นี่คือความคิดของคุณหมอ เหงียนวันเจือง อายุ 82 ปี ในความคิดของคนทั่วไป นี่คือวัยที่ควรพักผ่อนและอยู่ร่วมกับลูกหลาน แต่นาย เจือง ยังคงทุ่มเทกับการตรวจรักษาผู้ป่วยตั้งแต่เช้าจนถึงดึกดื่น สำหรับวันนี้ ขอเชิญท่านผู้ฟังร่วมกับนักข่าวของสถานีวิทยุเวียดนามาเยือนคลีนิคของดร. เหงียนวันเจือง

คุณหมอ เหงียนวันเจือง แม้อายุสูง แต่ยังคงมุ่งมั่นทำงาน - ảnh 1
คุณหมอ เหงียนวันเจือง ใช้ห้องขนาดเกือบ ๓๐ ตารางเมตรที่บริเวณชั้นหนึ่งของบ้านเปิดเป็นคลีนิค (laodong.vn)

“ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ผมเห็นว่า ประชาชนลำบากมาก หลังจากเกษียณอายุราชการ ผมอยากใช้ความสามารถที่มีช่วยยกระดับสุขภาพให้แก่กรรมกรและช่วยให้พวกเขารู้จักวิธีการดูแลสุขภาพ จริงๆแล้ว ที่นี่ไม่ใช่คลีกนิคเพื่อมนุษยธรรม หากผมตรวจโรคฟรีและรักษาโรคโดยคิดเงินแค่พอจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟเท่านั้น"
คุณหมอ เหงียนวันเจือง ใช้ห้องขนาดเกือบ ๓๐ ตารางเมตรที่บริเวณชั้นหนึ่งของบ้านเปิดเป็นคลีนิค ภายในห้องมีเครื่องฟื้นฟูสมรรถภาพหลายชนิด ส่วนเจ้าของคลีนิคนั้นถึงแม้มีผมสีดอกเลาและสวมแว่นตา  แต่บนใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มตลอดเวลา นี่คือความประทับใจของพวกเราเมื่อเห็นคุณหมอ เหงียนวันเจือง ตรวจรักษาให้แก่เด็กหญิง หงอก อายุ 1  ปี 8 เดือนที่ป่วยเป็นโรคสมองพิการแต่กำเนิดจากจังหวัดห่านาม นาง เหงียนถิโห่ว แม่ของเด็กหญิง หงอกเล่าให้ฟังว่า“ดิฉันเคยพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว แต่อาการไม่ค่อยดีขึ้น แต่มีคนแนะนำให้มารักษากับคุณหมอ เจือง ดิฉันจึงพาลูกมาที่นี่ อาการของลูกดีขึ้น ทุกๆวันต้องใช้เวลารักษาเกือบ ๒ ชั่วโมง คุณหมอ เจือง เห็นว่า ครอบครัวของดิฉันยากจน จึงคิดเงินถูกกว่าคนอื่น คุณหมอ เจือง ใจดีมาก เขารักเด็กมาก”
เด็กหญิง หงอก เป็นหนึ่งในผู้ป่วยหลายคนที่มีฐานะยากจนซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากคุณหมอ เจือง ทุกวัน คุณหมอ เจือง ต้องตรวจผู้ป่วยนับสิบคน บางวันก็มีผู้ป่วยมากเกือบร้อยคน ไม่เพียงแต่มีผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคทางสมองมาหาคุณหมอ เจือง เท่านั้น หากยังมีเด็กที่ประสบอุปสรรคในการเดินก็มาหาคุณหมอ เจือง เช่นกัน โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง โรคกระดูก โรคปวดหลัง สมองและพิการ โดยเฉพาะเด็กพิการทางสมอง ซึ่งต้องใช้เวลารักษานาน “ผมก็รู้สึกเหนื่อบ้าง เพราะผมอายุ ๘๐ กว่าแล้ว ตี5ครึ่งก็มีผู้ป่วยมาหาผม ผมทำงานถึง 3-4 ทุ่ม ถ้าบอกไม่เหนื่อก็ถือว่าโกหก แต่ผมไม่เคยคิดว่า จะไม่ประกอบอาชีพนี้ หากยังแข็งแรง ผมจะทำงานต่อไป ผมเห็นว่า อาชีพหมอได้นำความสุขมาสู่ทุกคนก็หมายความว่า นำความสุขมาให้แก่ผม ภรรยา ลูกและหลานของผมก็เป็นหมอ ผมรู้สึกมีความภาคภูมิใจและมีความสุข”

คุณหมอ เหงียนวันเจือง แม้อายุสูง แต่ยังคงมุ่งมั่นทำงาน - ảnh 2
ในตลอด ๒๐ ปีตรวจโรคฟรีให้แก่ผู้ป่วย ห้องตรวจรักษาโรคของคุณหมอ เจือง เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของผู้ป่วยหลายคน (tienphong.vn)

คุณหมอ เจือง จบมหาวิยาลัยการแพทย์ฮานอยเมื่อปี ๑๙๕๙ และจบปฏิญญาโทด้านการแพทย์ ณ สถาบันบัณฑิตการแพทย์บัลแกเรีย เขาเคยเป็นที่ปรึกษาด้านการแพทย์ให้แก่มหาวิทยาลัยการแพทย์ของลาว และได้มีโอกาสไปตรวจรักษาให้แก่ผู้ป่วยในหลายท้องถิ่นทั้งในเวียดนามและที่ประเทศลาว เมื่อปี ๑๙๙๒ หลังจากเกษียณอายุราชการ คุณหมอ เจือง จึงใช้เงินเก็บทั้งหมดไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์ และเปิดคลีนิคที่บ้านในแขวง เบื๋อย เขตไตโห่ กรุงฮานอย “การตรวจรักษาของผมไม่เหมือนหมอคนอื่น หมอคนอื่นถ้าเห็นผู้ป่วยปวดก็จะให้กินยาแก้ปวด แต่ผมรักษาด้วยวิธีที่ไม่ต้องกินยาและใช้วิธีรักษาและฟื้นฟูทั้งแบบตะวันตกและตะวันออก ผมต้องหาต้นเหตุของโรค ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่บ้างเพื่อความแม่นยำ ผู้ป่วยที่เข้ารักษากับผมต้องใช้เวลาตั้งแต่ ๑ ถึง ๒ ชั่วโมง”
ในตลอด ๒๐ ปีที่ตรวจโรคฟรีให้แก่ผู้ป่วย ห้องตรวจรักษาโรคของคุณหมอ เจือง เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของผู้ป่วยหลายคน โดยเฉพาะมีผู้ป่วยที่มาเพราะได้รับการแนะนำจากผู้ป่วยที่คุณหมอ เจือง เคยรักษาไปแล้ว เช่น นาย เจิ่นมิงดึ๊ก จากถนนหว่างฮวาถาม ได้เผยว่า“เพื่อนของผมที่เคยมารักษาที่นี่แนะนำให้ผมมาหาคุณหมอ เจือง ผมเคยรักษาโรคกระดูกสันหลังเสื่อมตามสถานพยาบาลบางแห่งแล้ว แต่มารักษาที่นี่ อาการของผมดีขึ้นด้วยการทำกายภาพบำบัด ผมมารักษาที่นี่ก็เหมือนรักษาที่บ้าน คุณหมอ เจือง ให้คำแนะนำละเอียด กระตือรือร้น ผมมารักษาที่นี่ได้กว่า 20 วันแล้ว ผมก็แนะนำให้เพื่อนๆมาที่นี่ คุณหมอ เจือง ใจดี ทุกครั้งมาที่นี่ ผมก็เห็นว่า ถึงแม้ผู้ป่วยทุกคนไม่ว่าจะมีฐานะยากจน ผู้สูงอายุหรือเด็กพิการทางสมองก็ได้รับการรักษาอย่างรอบคอบ”
ถึงแม้ได้ประสบความสำเร็จในการรักษาให้แก่ผู้ที่ป่วยหนัก ผู้ที่มีฐานะยากจน และได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วย แต่คุณหมอ เจือง ยังคงถ่อมตัวเมื่อกล่าวถึงตัวเองว่า“ผมคิดอยู่เสมอว่า สุขภาพคือสิ่งที่มีค่าที่สุด ผมมีสุขภาพดีแล้วไปตรวจรักษาโรค ให้การช่วยเหลือคนอื่นเพื่อให้พวกเขามีสุขภาพแข็งแรงสามารถทำมาหากินได้ นำสุขภาพที่ดีมาให้แก่ผู้ป่วยคือความสุขของผม”.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด