ประยุต์ใช้เทคโนโยลีสารสนเทศในการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ในเวียดนาม

(VOVWORLD) - ธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์คือรูปแบบธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลในทุกขั้นตอนของการท่องเที่ยว เช่น การขายและจัดทัวร์ท่องเที่ยว การใช้บริการโรงแรมและการขนส่งนักท่องเที่ยว เป็นต้น เวียดนามมีประชากรกว่า 50 ล้านคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งในนั้น มีร้อยละ 78 ที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นประจำทุกวัน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ บวกกับแนวโน้มการพัฒนาการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ได้สร้างโอกาสให้สถานประกอบการเวียดนามสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและแนวโน้มใหม่ของการพัฒนาการท่องเที่ยว
ประยุต์ใช้เทคโนโยลีสารสนเทศในการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ในเวียดนาม - ảnh 1 พนักงานบริษัท TETTO  แนะนำเว็บไซต์ www.tripi.vn ให้แก่ลูกค้า

บริษัทหุ้นส่วนพัฒนาเทคโนโลยี การค้าและการท่องเที่ยว หรือ  TETTO ได้รับการจัดตั้งเมื่อเดือนตุลาคมปี 2015 หลังจากนั้นเพียง 6 เดือน TETTO  ได้เปิดเว็บไซต์ตามที่อยู่www.tripi.vn  ภายใต้การสนับสนุนของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเวียดนาม หรือ VISTA ซึ่งถือเป็นเว็ปไซต์สำหรับการจองทัวร์ท่องเที่ยวออนไลน์แบบครบวงจรแห่งแรกของเวียดนาม โดยเว็ปไซต์และแอพพลิเคชั่นของบริษัท TETTO ได้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบินของสายการบิน 3แห่ง โรงแรมระดับ 3ดาวขึ้นไป 8,000แห่งและบริษัทนำเที่ยวชั้นนำของเวียดนาม 40แห่ง ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องเข้าหลายเว็ปไซต์เพื่อซื้อตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมและทัวร์ท่องเที่ยว นาย เจิ่นบิ่งยาง  หนึ่งในผู้ริเริ่มและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ Tripi และผู้อำนวยการใหญ่บริษัท TETTO ได้เผยว่า“พวกเราได้จัดทำเว็บไซต์ให้ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูล เปรียบเทียบราคาและชำระเงินออนไลน์  อีกหนึ่งเป้าหมายก็คือเราจะผลักดันการให้บริหารลูกค้าและสนับสนุนลูกค้าแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งแตกต่างกับบริษัทต่างชาติ เช่น Agoda และ booking.com  ที่ไม่เอื้อให้แก่การแก้ไขปัญหาต่างๆของลูกค้าเนื่องจากอุปสรรคด้านภาษาและการติดต่อสื่อสาร”

Tripi เป็นผลงานการออกแบบของวิศวกรสารสนเทศชาวเวียดนามที่เคยทำงานให้แก่บริษัท Google ,Yahoo และIBM ในยุโรปและสหรัฐที่กลับมาพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพในเวียดนาม แต่การปฏิบัติโครงการดังกล่าวในตอนแรกก็ประสบอุปสรรคต่างๆ นาย เจิ่นบิ่งยาง เผยต่อไปว่า“พวกเราเป็นวิศวกรสารสนเทศ ดังนั้นต้องใช้เวลาในการศึกษาตลาดการท่องเที่ยวในเชิงลึก โดยเฉพาะปัญหาต่างๆของสถานประกอบการเพื่อมีมาตรการแก้ไขและผลักดันการประกอบธุรกิจ สองคือความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ยังมีไม่มากนัก ดังนั้น ในตลอด 3ปีที่ผ่านมา  พวกเราได้พยายามเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ สามคือ ในฐานะเป็นสถานประกอบการขนาดย่อมที่มีแรงงาน 50 คน พวกเราต้องการเงินทุนมากเพื่อขยายขอบเขตและสามารถแข่งขันกับเครือบริษัทใหญ่ๆในโลก ซึ่งทำให้พวกเราต้องเน้นพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการดำเนินงานอย่างเต็มที่”

ประยุต์ใช้เทคโนโยลีสารสนเทศในการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ในเวียดนาม - ảnh 2เจ้าหน้าที่พนักงานบริษัท  BedLinker

นอกจากบริษัท TETTO ที่มีแนวทางลงทุนด้านเทคโนโลยี บริษัทหุ้นส่วน BedLinker ที่มีแรงงาน 15คนและเงินทุนจดทะเบียน 5พันล้านด่งได้เน้นการทำธุรกิจในลักษณะการเป็นตัวกลางในการจองโรงแรมระหว่างบริษัทนำเที่ยวกับโรงแรม โดยในช่วงเวลา 6 เดือนก่อนการจัดตั้งบริษัทเมื่อปลายปี 2017 BedLinker ได้ร่วมมือกับหุ้นส่วนด้านเทคโนโลยีของอินเดียพัฒนาซอฟต์แวร์ bedallocator โดยบริษัทนำเที่ยวสามารถ log in เข้าเว็ปไซต์ของโรงแรม เพื่อดูข้อมูลต่าง ๆ เช่น ราคา สภาพห้องและจองโรงแรมออนไลน์ ซึ่งการใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่าวทำให้สถานประกอบการประหยัดเวลาในการส่งอีเมลหรือการโทรศัพท์ถึงโรงแรมโดยตรงเพื่อทำการจองห้อง นอกจากนี้ ยังมีเว็บไซต์ bedlinker.com ซึ่งถือเป็นเว็ปไซต์ที่เป็นตัวกลางระหว่างบริษัทนำเที่ยวกับผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ เช่น agoda กับโรงแรมต่างๆ นาย ด่าวกวางท้วน ซีอีโอของบริษัทหุ้นส่วน BedLinker ได้เผยว่า“รูปแบบธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ในเวียดนาม โดยทางบริษัทและบริษัทนำเที่ยวมีสัญญาออนไลน์เท่านั้น หลังจากนั้น บริษัทนำเที่ยวได้ log in เว็บไซต์และจองโรงแรมตามขั้นตอนต่างๆ ทางบริษัทจะเสนอราคาสุทธิเพื่อให้บริษัทนำเที่ยวตัดสินใจราคาขายให้แก่ลูกค้าอย่างเหมาะสม ปัจจุบัน บริษัทนำเที่ยวชื่นชอบรูปแบบการทำงานนี้มากกว่าการจ่ายค่าคอมมิชชั่น”

ประยุต์ใช้เทคโนโยลีสารสนเทศในการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ในเวียดนาม - ảnh 3 บูธของบริษัทหุ้นส่วน Hanoi Redtours และบริษัทหุ้นส่วนเครือบริษัท Flamingo (Flamingo group)

บริษัท TETTO และ BedLinker คือบริษัทสองแห่งในจำนวนกว่า 10แห่งที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ ส่วนบริษัทที่เหลือ3 หมื่นแห่งมีการใช้อินเตอร์เน็ตในการโฆษณาและการประกอบธุรกิจเท่านั้น ซึ่งเพื่อสามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่ที่มีศักยภาพด้านการเงิน เช่น Agoda.com, booking.com, traveloka.com, expedia.com เป็นต้น สถานประกอบการเวียดนามมีทางเลือกเดียวคือเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี อย่างเช่น บริษัทหุ้นส่วน Hanoi Redtours ซึ่งเป็นสมาชิกของบริษัทหุ้นส่วนเครือบริษัท Flamingo โดยบริษัทหุ้นส่วน Hanoi Redtours ได้จัดทำเว็บไซต์และเพจเฟสบุ๊คเกี่ยวกับบริการต่างๆ ซึ่งเว็บไซต์ของบริษัท Hanoi redtour และ Flamingo ยังเป็นเว็บไซต์ขายทัวร์ออนไลน์และจองโรงแรมออนไลน์ ที่พนักงานและลูกค้าสามารถทำการสื่อสารพูดคุยกันได้ทันทีผ่านเว็ปไซต์ นอกจากนี้  เครือบริษัท Flamingo ยังร่วมมือกับบริษัท Agoda และ booking.com เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในการจองโรงแรมออนไลน์ นาย เหงวียนกงฮวาน รองผู้อำนวยการใหญ่บริษัทหุ้นส่วน Hanoi Redtours ได้เผยว่า“บริษัทหุ้นส่วน Hanoi Redtours ได้รับการจัดตั้งมาเป็นเวลากว่า  20ปี  โดยตั้งแต่ปี 2000 เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเริ่มพัฒนา ทางบริษัทได้จัดตั้งศูนย์เทคโยโลยีสารสนเทศที่มีวิศวกร 60คน โดยนอกเหนือจากการให้บริการด้านเทคโนโลยีให้แก่บริษัทท่องเที่ยวอื่นๆ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศก็ทำการวิจัยพัฒนาบริการต่างๆ”

 นาย เหงวียนกงฮวาน ยังเผยต่อไปว่า เพื่อนำการท่องเที่ยวของเวียดนามไปสู่ตลาดโลก จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนั้น  สำหรับบริษัท Hanoi Redtour และบริษัทที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์อื่นๆ ต้องเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเทคโนโลยีอยู่เสมอเพื่อสามารถอยู่รอดและพัฒนาได้ในยุคดิจิตอล.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด