อาคารสีเขียวของสถาปนิกหว่างทุกห่าว

อาคารสีเขียวปรากฎในเวียดนามตั้งแต่ปี 2007 และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล หน่วยงานการก่อสร้าง ประชาชนและสถาปนิก หลังการประยุกต์ใช้เป็นเวลา 10ปี มีอาคาร 60 แห่งได้รับใบรับรองว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนจากองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ สถาปนิกหว่างทุกห่าว อาจารย์ของมหาวิทยาลัยการก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติเกี่ยวกับอาคารสีเขียวหลายครั้งเผยว่า นี่เป็นแนวโน้มพัฒนาของโลกเพราะช่วยประหยัดทรัพยากร พลังงาน อนุรักษ์ระบบนิเวศธรรมชาติและสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาด “เวียดนามมีองค์ความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมที่ประหยัดพลังงานและยั่งยืน บ้านในเขตชนบทที่ราบลุ่มแม่น้ำแดงจะใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หินและดิน มีประตูทางทิศเหนือ –ใต้ มีสวน บ่อน้ำและกรงเลี้ยงสัตว์ ซึ่งให้ความอบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน นี่คือภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเพราะบ้านแบบนี้เหมาะกับสภาพอากาศที่นี่มากที่สุด ซึ่งพวกเราได้นำภูมิปัญญานี้ไปประยุกต์ใช้ในสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยและเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีใหม่บนพื้นฐานของวัฒนธรรมพื้นบ้านของเวียดนาม”

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การขยายตัวด้านการก่อสร้างในเวียดนามอยู่ที่ประมาณร้อยละ 12 และอัตราการพัฒนาเป็นตัวเมืองอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ต่อปี แต่การใช้พลังงานได้เพิ่มขึ้นเร็วกว่าการขยายตัวของจีดีพี โดยเฉลี่ยร้อยละ 14 ต่อปี โครงการก่อสร้างต่างๆในเวียดนามกำลังใช้พลังงานประมาณร้อยละ 36 ของประเทศ โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ร้อยละ 33 การปล่อยควันพิษที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกร้อยละ 25และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 1 ใน 3 ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จากสถานการณ์ดังกล่าวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว จะทำให้ระบบนิเวศของเวียดนามได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากถ้าหากไม่มีมาตรการผลักดันการพัฒนาโครงการก่อสร้างที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ นางฟานถิหมีลิงห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการก่อสร้างเผยว่า การพัฒนานี้จะเอื้อประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นี่คือกิจกรรมที่สำคัญเพื่อปฏิบัติยุทธศาสตร์การขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่รัฐบาลได้มอบหมายหน้าที่ให้กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ

บ้านชุมชนเกิ๋มแทงของสถาปนิกหว่างทุกห่าว

ปัจจุบันนี้ สำนักงานภาครัฐมักจะพัฒนาอาคารสีเขียวพร้อมกับการพัฒนาตัวเมืองและเขตชนบทอย่างยั่งยืน โดยในแง่สถาปัตยกรรม ต้องค้ำประกันให้โครงการก่อสร้างสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศในท้องถิ่น ประหยัดพลังงาน ประหยัดน้ำและลดผลกระทบในทางลบต่อสิ่งแวดล้อม สถาปนิกเหงียนแถ่งเล ผู้อำนวยการบริษัทหุ้นส่วนให้คำปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง 5.i.v.E เผยว่า “อาคารสีเขียวมีลักษณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น สถาปนิกต้องให้ความสนใจตั้งแต่การคิด การออกแบบและการก่อสร้าง ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนและชื้นในเวียดนาม ที่อยู่อาศัยต้องเหมาะสมกับพื้นที่ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยน้อย ใช้อิฐไม่เผาและกระจกฉนวน เป็นต้น บ้านจึงสามารถระบายอากาศ ไม่ชื้น และสามารถกันแดดได้ โดยเฉพาะในฤดูร้อน กล่าวคือ บ้านก็ต้องมีร่มเย็นเหมือนที่เราใช้ร่มหรือใส่หมวก”

เวียดนามมีเงื่อนไขเพียงพอเพื่อพัฒนาอาคารสีเขียวมากขึ้นเนื่องจากการเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงของทั้งรัฐ ประชาชน สถาปนิกและผู้ก่อสร้าง การที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุทธศาสตร์แห่งชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและยุทธศาสตร์แห่งชาติเกี่ยวกับการปฏิบัติเพื่อผลักดันการพัฒนาอาคารสีเขียว สถาปนิกหว่างทุกห่าวเผยว่า อาคารสีเขียวจะเอื้อประโยชน์เป็นอย่างมากต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม แต่เพื่อให้อาคารสีเขียวสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืน เวียดนามต้องมีสถาปนิกที่มีทักษะความสามารถและเป็นมืออาชีพ

แม้ยังเป็นก้าวเดินแรกๆแต่ขบวนการพัฒนาอาคารสีเขียวในเวียดนามได้ประสบผลที่น่ายินดี โดยโครงการก่อสร้างหลายแห่งของเวียดนามได้รับรางวัลระดับสูงในการประกวดระดับภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะในสังคมที่นับวันให้ความสนใจมากขึ้นต่อการพัฒนากิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม./.