เลขาธิการใหญ่พรรค เจื่องจิง ผู้วางพื้นฐานให้แก่ภารกิจ “โด๋ยเม้ย”

(VOVworld)- คำว่า “โด๋ยเม้ย” หรือ “เปลี่ยนแปลงใหม่” ได้ถูกโลกกล่าวถึงเสมือนเป็นเรื่องอัศจรรย์ของเวียดนามในตลอดกว่า30ปีที่ผ่านมา ซึ่งความสำเร็จของภารกิจในเชิงการปฏิวัตินี้ได้เริ่มจากการที่สมัชชาพรรคครั้งที่6ได้ประกาศสาส์นที่เข้มแข็งเกี่ยวกับการปฏิบัติแนวทางการเปลี่ยนแปลงใหม่และความมุ่งมั่นตั้งใจนี้ก็ได้สะท้อนให้เห็นตั้งแต่ช่วงเตรียมพร้อมระเบียบวาระการประชุมสมัชชาพรรคโดยท่านเจื่องจิง เลขาธิการใหญ่พรรคเป็นผู้ริเริ่ม



(VOVworld)- คำว่า “โด๋ยเม้ย” หรือ “เปลี่ยนแปลงใหม่” ได้ถูกโลกกล่าวถึงเสมือนเป็นเรื่องอัศจรรย์ของเวียดนามในตลอดกว่า30ปีที่ผ่านมา ซึ่งความสำเร็จของภารกิจในเชิงการปฏิวัตินี้ได้เริ่มจากการที่สมัชชาพรรคครั้งที่6ได้ประกาศสาส์นที่เข้มแข็งเกี่ยวกับการปฏิบัติแนวทางการเปลี่ยนแปลงใหม่และความมุ่งมั่นตั้งใจนี้ก็ได้สะท้อนให้เห็นตั้งแต่ช่วงเตรียมพร้อมระเบียบวาระการประชุมสมัชชาพรรคโดยท่านเจื่องจิง เลขาธิการใหญ่พรรคเป็นผู้ริเริ่ม
เลขาธิการใหญ่พรรค เจื่องจิง ผู้วางพื้นฐานให้แก่ภารกิจ “โด๋ยเม้ย” - ảnh 1

ท่านเจื่องจิงเป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่ได้ผ่าน2ช่วงเวลาสำคัญของการปฏิวัติเวียดนาม โดยช่วงแรกคือต้นปี40ของศัตวรรษที่20 เมื่อได้เตรียมพร้อมและชี้นำขบวนการปลดปล่อย ส่วนช่วงที่สองคือเดือนกรกฎาคมปี1986 เมื่อท่านเลขาธิการใหญ่พรรค เลหยวน ได้ถึงแก่กรรมก่อนสมัชชาพรรคสมัยที่6เพียง5เดือน ซึ่งท่านเจื่องจิงได้รับการประเมินว่าแม้ท่านจะเป็นผู้นำที่มีความเข้มงวดจริงจังและให้ความสำคัญต่อภาคทฤษฏีแต่ท่านก็ถือเป็น “เลขาธิการพรรคเพื่อการเปลี่ยนแปลงใหม่”

เมื่อกว่า30ปีก่อน ท่านเจื่องจิงได้ตระหนักถึงความเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศและได้จัดตั้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่ากลุ่มที่ปรึกษาของเลขาธิการใหญ่พรรคที่รวมปัญญาชนและนักวิทยาศาสตร์ที่มีหัวก้าวหน้าเพื่อทำการสำรวจตรวจสอบและวิจัยในบาง

ปัญหาของประเทศเพื่อเป็นพื้นฐานทางทฤษฏีให้แก่การเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยผลการวิจัยได้ช่วยให้ท่านเข้าใจและตระหนักว่าถึงเวลาที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ด้านจิตสำนึกทางทฤษฏีและทางเศรษฐกิจ ยกเลิกกลไกการบริหารแบบรัฐอุปถัมภ์ ต้องมีแผนการรับผิดชอบทางการเงินเองและเริ่มส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงสินค้าที่มีหลายภาคส่วนภายใต้การบริหารของรัฐ นักเศรษฐศาสตร์ หวอด๋ายเลือก สมาชิกในกลุ่มที่ปรึกษาของเลขาธิการใหญ่พรรคและรับหน้าที่เขียนบทวิจัยสองบทในหัวข้อ “นโยบายเศรษฐกิจใหม่ของเลนินที่ประยุกต์ใช้ในเวียดนาม”และ “นโยบายเศรษฐกิจต่างประเทศของเวียดนามในยุคใหม่” ได้กล่าวว่า“ผมได้รับมอบหน้าที่เขียนบทวิจัยสองบทนี้และท่านเจื่องจิงก็ได้อ่านทั้งสองบทหลายรอบ ซึ่งตอนนั้นเราต้องอาศัยแนวคิดและนโยบายเศรษฐกิจใหม่ของเลนินเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในเวียดนามเพื่อยกเลิกระเบียบการทำงานแบบขุนนางและพึ่งแต่การอุปถัมภ์ของรัฐเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ในเชิงการค้าและการเงินรวมทั้งประยุกต์ลัทธิทุนนิยมแห่งรัฐในชีวิตสังคม ซึ่งเป็นสองแนวคิดสำคัญที่สุดของเลนินที่เราได้ใช้ในช่วงริเริ่มภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่”

อย่างไรก็ดี กระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศนั้นมิใช่เส้นทางที่ราบรื่นและใช่ว่าแค่พูดออกมาจะทำได้ทันที เพราะในตอนนั้นยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันที่มาจากเหตุผลทั้งทางภาววิสัยและอัตวิสัยรวมถึงความเคยชินที่ยากจะเปลี่ยนแปลงได้ในเร็ววัน รองศ.ดร. เลก๊วกลี้ รองผู้อำนวยการสถาบันการเมืองแห่งชาติโฮจิมินห์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงใหม่ปี1986คือการต่อสู้ภายในอย่างดุเดือดระหว่างสองแนวทางคือเปลี่ยนแปลงใหม่หรือไม่เปลี่ยนแปลงใหม่ และท่านเลขาธิการใหญ่พรรคเจื่องจิงคือแบบอย่างในการวิเคราะห์วิจารณ์ตนเองและเปลี่ยนแปลงใหม่ตนเองเพื่อร่วมกับพรรคปฏิบัติภารกิจโด๋ยเม้ย“เมื่อท่านเลขาธิการใหญ่พรรคเจื่องจิงเสนอแนวคิดเปลี่ยนแปลงใหม่เศรษฐกิจและจิตสำนึกทางทฤษฏีของพรรคท่านก็ใช้ความอดทนและยืนหยัดกับแนวทางนี้ แม้จะถูกตำหนิท่านก็ยังยืนหยัดโน้มน้าวต่อไป แม้กระทั่งถูกแรงกดดันจากหลายฝ่ายท่านก็ยังปกป้องแนวทางที่เลือกเฟ้น ในความเป็นจริงของกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่มิใช่ทุกเรื่องที่ปฏิบัติจะสำเร็จทั้งหมดเพราะต้องมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไขเนื่องจากในระหว่างการเปลี่ยนแปลงใหม่นั้นมีทั้งคนที่เข้าใจและยังไม่เข้าใจหรือเข้าใจในแนวทางแต่การปฏิบัติยังดำเนินตามแบบเก่า”

จากการสำรวจสถานการณ์ที่เป็นจริงและความตั้งใจเปลี่ยนแปลงใหม่ตัวเอง เปลี่ยนแปลงใหม่พรรค ในการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่6 ที่7 ที่8และที่9ของสมัยที่5 บทปราศรัยที่กลั่นกรองจากใจของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคเจื่องจิงได้กลายเป็นพลังจูงใจของประชาชนเพราะสามารถสะท้อนความรู้สึกนึกคิดและความปรารถนาของเจ้าหน้าที่ สมาชิกพรรคและประชาชน ด้วยวิธีการปฏิบัติในเชิงทฤษฏีและการถอดบทเรียนจากภาคปฏิบัติ ท่านเจื่องจิงได้กลายเป็นผู้วางพื้นฐานให้แก่การปฏิบัติภารกิจโด๋ยเม้ยและได้ร่วมกับคณะกรรมการกลางพรรคต่อสู้กับทัศนะและกลไกการทำงานแบบอนุรักษ์นิยมและรัฐอุปถัมภ์อย่างเข้มแข้งเพื่อกำหนดแนวทางการเปลี่ยนแปลงใหม่ในทุกด้านในที่ประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่6 อันเป็นการเริ่มต้นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ของประชาชนเวียดนาม.

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด