( VOVworld )-ปี ๒๐๑๒ ถือได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทยประสบความสำเร็จมากมาย โดยผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องที่จะยกระดับความสัมพันธ์เวียดนาม-ไทยเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์  บรรดาผู้นำรัฐสภา รัฐบาลได้ไปมาเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกัน และที่สำคัญคือ ทั้ง สองประเทศได้มีการประชุมครม.ร่วมครั้งที่ ๒ หลังจากไม่ได้ประชุมร่วมกันมาเป็นเวลากว่า ๘ ปี ซึ่งในการประชุมนี้ ทั้งสองประเทศได้ลงนามในเอกสารสำคัญหลายฉบับ

ประธานประเทศเวียดนามเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี

จุดเด่นของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทยในปีที่ผ่านมาคือ การประชุมครม.ร่วมครั้งที่สอง  โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงปัญหาใหญ่ๆหลายปัญหาที่ครอบคลุมทั้งด้านการเมือง-ความมั่นคง-การป้องกันประเทศ  ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสังคม-วัฒนธรรม  ที่ประชุมได้เห็นพ้องว่าจะพยายามยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์  ในด้านการเมือง-ความมั่นคงและการป้องกันประเทศ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะขยายคณะผู้แทนระดับสูงและระดับอื่นๆไปมาเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกันมากขึ้น ธำรงและเสริมสร้างกลไกความร่วมมือที่มีอยู่ ตลอดจนขยายความร่วมมือต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและปราบปรามการก่อการร้ายในระดับทวิภาคีและพหุภาคี  สำหรับด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายได้ตั้งเป้าไว้ว่า แต่ละปีมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศจะเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐ และจะบรรลุ ๑ หมื่น ๘ พันล้านเหรียญสหรัฐในปี ๒๐๑๕ ซึ่งเป็นปีที่อาเซียนกลายเป็นประชาคม ขยายความร่วมมือในการส่งออกข้าว ขยายการประสานงานกันในการแก้ไขปัญหาชาวประมงและเรือประมงของแต่ละประเทศ ตลอดจนการผลักดันความร่วมมือลงทุนและเชื่อมโยงตามแนวเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกหรืออิสต์-เวสต์อีคอนอมิกคอรีดอร์  สำหรับด้านสังคมและวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายยืนยันจะผลักดันการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านแรงงาน การศึกษาและฝึกอบรม ส่งเสริมการสอนภาษาเวียดนามและภาษาไทยในโรงเรียนของเวียดนามและไทย  ที่ประชุมครม.ร่วมครั้งที่สองนี้ยังหารือเรื่องการสร้างสรรค์อาเซียนที่สามัคคีและแข็งแกร่งมุ่งสู่ประชาคมอาเซียนในปี ๒๐๑๕ หารือการใช้น้ำในแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน การรักษาบรรยากาศและปกป้องผลประโยชน์ให้แก่ชาวประมง  ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงปัญหาทะเลตะวันออก โดยเน้นความสำคัญของสันติภาพ ความมีเสถียรภาพและความมั่นคงในการเดินเรือทะเลในภูมิภาคนี้ ตลอดจนการแก้ไขการพิพาทด้วยมาตรการอย่างสันติและเคารพกฎหมายสากล  ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในเอกสารสำคัญหลายฉบับได้แก่ แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการประชุมครม.ร่วมเวียดนาม-ไทยครั้งที่ ๒ ปฏิญญาวิสัยทัศน์ความมั่นคงเวียดนาม-ไทยระยะปี ๒๐๑๒-๒๐๑๖ และข้อตกลงจัดตั้งสภาธุรกิจเวียดนาม-ไทย อีกทั้งยืนยันที่จะทำการประชุมครม.ร่วมครั้งต่อไป

นายกฯเวียดนามและไทยในการประชุมครม.ร่วมครั้งที่ ๒ ณ กรุงฮานอย

ปีที่ผ่านมา บรรดาผู้นำรัฐสภาและรัฐบาล รวมทั้งผู้นำระดับกระทรวงของสองประเทศได้ไปมาเยี่ยมเยือนประเทศของกัน ที่น่าสนใจคือ การเยือนประเทศไทยของท่านเหงวียนซิงห์หุ่ง ประธานรัฐสภาเวียดนามตามคำเชิญของท่านสมศักดิ์ เกียรติสุรานนท์ประธานสภาผู้แทนราษฏร  ในโอกาสเจรจากับท่านสมศักดิ์ เกียรติสุรานนท์ ประธานรัฐสภาเวียดนามได้ยืนยันว่า รัฐสภาเวียดนามสนับสนุนการยกระดับความสัมพันธ์เวียดนาม-ไทยเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์  ในการเยือนไทยครั้งนั้น ประธานรัฐสภาเหงวียนซิงห์หุ่งได้เข้าเยี่ยมคารวะนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯและประธานวุฒิสภานิคม วิรัตน์พาณิชย์ และมีการพบปะกับชาวเวียดนามที่อาศัยในจังหวัดอุดร ธานี  ส่วนในการเยือนประเทศไทยของท่านเหงวียนถิ่ยวาน รองประธานประเทศตามคำเชิญของนางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตรนั้น ท่านรองประธานประเทศเวียดนามได้เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จพระเทพรัตนราชสุฏาสยามบรมราชกุมารี มีการเจรจากับนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกฯและไปเยี่ยมชมหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม ณ จังหวัดนคร พนม ซึ่งประธานโฮจิมินห์เคยพำนักและทำการเคลื่อนไหวช่วงปี ๑๙๒๘ – ๑๙๒๙  การเยือนไทยของประธานรัฐสภาและรองประธานประเทศเวียดนามได้ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างองค์การนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารของทั้งสองประเทศตลอดจนสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชนสองประเทศ โดยเฉพาะช่วยเพิ่มบทบาทของชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศไทย  ในส่วนของฝ่ายไทย ปีที่ผ่านมาได้มีคณะผู้แทนระดับสูงของรัฐสภาและกระทรวงสำคัญของไทยไม่ว่าจะเป็นคณะผู้แทนของวุฒิสภานำโดยท่าน สุรชัย เลี่ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง  รมว.พาณิชย์ รมว.กลาโหมมาและพลเอก ธนศักดิ์ ประติมาประกรผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเยือนและแลกเปลี่ยนข้อราชการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนาม ทั้งนี้เพื่อผลักดันการค้าและร่วมมือในด้านการป้องกันประเทศ โดยเน้นในการปราบปรามอาชญากรรม การลักลอบค้าสตรีและเด็ก และอาชญากรรมยาเสพติด

นายกฯเวียดนามให้การต้อนรับพลเอกสุกัมพล สุวรรณทัดรัฐมนตรีกลาโหมไทย