นักท่องเที่ยวต่างชาติประทับใจกับอาชีพตีเหล็กของหมู่บ้าน

บรรดาผู้สูงอายุในตำบลเจี่ยวหลกได้เผยว่า เมื่อก่อน หมู่บ้านตีเหล็กเติ๊ดตากเป็นการรวมตัวของหมู่บ้าน 3 แห่งคือหมู่บ้านเหงาะ หมู่บ้านบุ่ยและหมู่บ้านเซินในตำบลเตี๊ยนหลก อำเภอเห่าหลก จังหวัดแทงฮว้า โดยเมื่อศตวรรษที่ 17 นาย เลกาวเซิน ได้โยกย้ายถิ่นฐานจากภาคเหนือมายังบริเวณเชิงเขาเบิ่นในหมู่บ้านเติ๊ดตาก จากความห่วงใยชาวบ้านที่นี่ที่มีฐานะยากจน นายเซินได้สอนอาชีพตีเหล็กให้แก่ชาวบ้าน ซึ่งเพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณต่อนาย เลกาวเซิน ชาวบ้านได้ตั้งที่บูชาและยกย่องท่านเป็นผู้ให้กำเนิดอาชีพตีเหล็ก

เมื่อก่อนนี้ หมู่บ้านเติ๊ดตากได้ผลิตอาวุธและเครื่องมือการเกษตร แต่ตอนนี้ได้พัฒนาคุณภาพและผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่นับวันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการทำผลิตภัณฑ์ต่างๆมีหลายขั้นตอน เช่น การหลาบเหล็ก การซ้ำ การ “ลำเรียบ หรือ ไห่”และการ “ลับคม” ซึ่งต้องใช้คนที่มีพละกำลัง ร่างกายแข็งแกร่งและมีประสบการณ์มาก นาย เกี่ยววันห่า ซึ่งประกอบอาชีพนี้มาเกือบ 20 ปี ได้เผยว่า

“คุณปู่และพ่อได้สอนอาชีพตีเหล็กให้แก่ผม ซึ่งต้องมีความรักในอาชีพเพราะมีความยากลำบากมาก แต่ก็เป็นอาชีพที่มั่นคง ซึ่งต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาอาชีพ”

เด็กในหมู่บ้าน

จากการจำหน่ายในตลาดภายในประเทศ ในหลายปีมานี้ ได้มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้านช่างตีเหล็กในตำบลเตี๊ยนหลกไปยังประเทศต่างๆในภูมิภาค นาย เกี่ยววันห่าและนาย เกี่ยววันหอก ชาวบ้านเติ๊ดตากได้เผยว่า

“เราได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่ทำผลิตภัณฑ์ตามใบสั่งซื้อของลูกค้า ซึ่งมีทั้งลูกค้าต่างชาติและชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐและยุโรป”

“ครัวเรือนผมผลิตมีดตามใบสั่งซื้อของลูกค้า เช่น มีดเชฟ มีดสับ มีดปอก มีดแล่เนื้อ มีดเลาะกระดูก  มีดอเนกประสงค์ มีดนาคิริ มีดซันโตกุ มีดกิวโต ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่คือเชฟทั้งภายในและต่างประเทศ เช่น อังกฤษ สหรัฐ ฝรั่งเศส เยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์”

ภาพในหมู่บ้าน

นอกจากใช้เครื่องจักรในโรงตีเหล็ก ชาวบ้านยังนำเข้าสแตนเลสจากญี่ปุ่นเพื่อผลิตมีดและกรรไกร อีกทั้งผลักดันการจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มอี – คอมเมิร์ซและเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, Facebook, TikTok เป็นต้น นาย เหงวียนฮึง อาศัยในนครโฮจิมินห์ได้เผยว่า

“ผมได้ซื้อมีดทำครัวของหมู่บ้านเติ๊ดตาก ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดีและสวยงาม ซึ่งผมต้องการมาศึกษาการทำมีดทำครัวและมีดเดินป่าของที่นี่ โดยการใช้เครื่องจักรและนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศทำให้คุณภาพและรูปแบบสินค้าสวยงามไม่แพ้มีดที่นำเข้าจากต่างประเทศ”

ปัจจุบัน ตำบลเจี่ยวหลกมีสถานประกอบการ 20 แห่ง และครัวเรือนที่ประกอบอาชีพตีเหล็กเกือบ 1,600 ครัวเรือน รวมแรงงานประมาณ 6,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งเพื่อพัฒนาอาชีพหัตถกรรม ครัวเรือนและสถานประกอบการได้ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในการผลิตเพื่อยกระดับคุณภาพ รูปแบบสินค้า นำความอิ่มหนำผาสุกมาให้แก่ชาวบ้านที่นี่.