สิทธิมนุษยชนได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมผ่านการก่อสร้างโรงเรียนในเขตชายแดน

(VOVWORLD) - การวางศิลาฤษ์ก่อสร้างโรงเรียนประจำระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษามากว่า 70 แห่งในตำบลต่างๆ ในเขตชายแดนเมื่อวัน 9 พฤศจิกายนไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการศึกษาเท่านั้น หากยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงการแปรคำมั่นของรัฐเวียดนามเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิการได้ไปโรงเรียนและการเข้าถึงการศึกษาอย่างเสมอภาคของเด็กๆ ในเขตที่ยากจนและสิทธิการพัฒนาอย่างรอบด้านของชุมชนชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ ให้กลายเป็นรูปธรรม

สิทธิมนุษยชนได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมผ่านการก่อสร้างโรงเรียนในเขตชายแดน - ảnh 1นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัยในพิธีวางศิลาฤษ์ก่อสร้างโรงเรียนประจำประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตำบลเอียนเคือง จังหวัดแทงฮว้า เมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา 

โรงเรียน 72 แห่งที่ได้รับการวางศิลาฤษ์ก่อสร้างในโอกาสนี้ รวมไปถึงโรงเรียน 28 แห่งที่ได้รับการวางศิลาฤษ์ก่อสร้างก่อนหน้านั้นถือเป็นการบรรลุเป้าหมายการก่อสร้างโรงเรียนประจำประถมศึกษาและมัธยมศึกษารวม 100 แห่งในตำบลชายแดนภายในปีนี้ โดยโรงเรียน 100 แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในจำนวนโรงเรียน 248 แห่งที่จะได้รับการก่อสร้างในตำบลชายแดน 248 แห่งภายใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยเงินทุนก่อสร้างมาจากงบประมาณแผ่นดินกว่า 870 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ลดช่องว่างความไม่เสมอภาค

ในเอกสารระหว่างประเทศฉบับต่างๆ สิทธิมนุษยชนไม่เพียงแต่หมายถึงสิทธิในการมีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิทธิในการพัฒนาอีกด้วย สำหรับประเทศเวียดนาม ภารกิจนี้มีความหมายพิเศษในตำบลชายแดนต่างๆ ที่ซึ่งนักเรียนจำนวนมากต้องเผชิญกับอุปสรรคในการไปโรงเรียน เนื่องจากภูมิประเทศที่ทุรกันดาร สภาพเศรษฐกิจที่ยากลำบากและที่อยู่อาศัยห่างไกลจากตัวเมือง ดังนั้น การก่อสร้างโรงเรียนเหล่านี้สามารถช่วยให้เด็กนักเรียนได้รับการศึกษาอย่างปลอดภัยและต่อเนื่อง ลดการเลิกเรียนกลางคัน การแต่งงานก่อนวัยอันควรและการทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในพื้นที่ชายแดน

โรงเรียนประจำเหล่านี้มีการออกแบบอย่างทันสมัยและครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการต่างๆ ในการศึกษาและการใช้ชีวิตของนักเรียนทั้งแบบประจำและแบบไป-กลับ อีกทั้งยังมีที่พักสำหรับครูอีกด้วย ครู ฝ่ามแทงบิ่งห์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น เลืองอานจ่า จังหวัดอานยาง ซึ่งเป็นหนึ่งในสองโรงเรียนที่ควบรวมเป็นโรงเรียนประจำประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น หวิงยา กล่าวว่า

การก่อสร้างโรงเรียนแบบนี้จะเปิดโอกาสให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลความเจริญและเขตชนกลุ่มน้อยสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างรอบด้าน เด็ก ๆ มีสถานที่เรียนรู้และที่พักที่ดี”

สิ่งที่น่าสนใจของการก่อสร้างโรงเรียนรูปแบบนี้ไม่เพียงแต่เป็นการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น หากยังเป็นการปฏิบัติตามกลไกและนโยบายเกี่ยวกับสิทธิความเสมอภาคและลดช่องว่างระหว่างเขตต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินด้านสิทธิมนุษยชนของแต่ละประเทศ ศาสตราจารย์ ดร. เหงวียน กิม เซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาและการฝึกอบรมยืนยันว่า

“นี่เป็นก้าวกระโดดที่เปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานและรอบด้านให้แก่การศึกษาในเขตชายแดน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างมากของพรรคและรัฐเวียดนามต่อพื้นที่ที่ยังคงยากลำบาก ลดช่องว่างระหว่างเขตต่างๆ และค้ำประกันความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงการศึกษาในเวียดนาม”

สิทธิมนุษยชนได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมผ่านการก่อสร้างโรงเรียนในเขตชายแดน - ảnh 2นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง พร้อมกับผู้แทนและนักเรียนเข้าร่วมพิธีวางศิลาฤษ์ก่อสร้างโรงเรียนประจำระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา (VGP)

เป็นการพิสูจน์อย่างชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน

เวียดนามได้ยืนยันหลายครั้งว่า สิทธิมนุษยชนมีความผูกพันกับสิทธิและผลประโยชน์ของประชาชนอยู่เสมอ โดยการปฏิบัติโครงการด้านการศึกษาใหญ่ๆ ในเขตชายแดนถือเป็นการพิสูจน์อย่างชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายที่ถูกทิศทาง การสงวนแหล่งลงทุนอย่างจริงจังและมีการร่วมปฏิบัติจากระดับส่วนกลางไปจนถึงส่วนท้องถิ่น ในการกล่าวปราศรัยในพิธีวางศิลาฤษ์ก่อสร้างโรงเรียนประจำประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตำบลเอียนเคือง จังหวัดแทงฮว้า เมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ยืนยันว่า

“โรงเรียนใหม่ทุกแห่งจะเป็นสถานที่เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความรู้ จุดประกายความฝันและแปรความหวังให้กลายเป็นความจริง อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีชนในชาติ การดูแลเอาใจใส่และความรับผิดชอบของพรรคและรัฐต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นแนวป้องกันที่มั่นคงของประเทศ”

ในสภาวการณ์การผสมผสานเข้ากับกระแสโลก การดูแลชีวิตความเป็นอยู่และการศึกษาให้แก่เด็กๆ โดยไม่แบ่งพื้นที่คือแนวทางที่เวียดนามกำลังปฏิบัติเพื่อแสดงให้โลกทราบเกี่ยวกับวิธีการเข้าถึงสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง โดยถือมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่เพียงแต่เป็นคำประกาศเท่านั้น และโรงเรียนประจำที่กำลังก่อสร้างนั้นถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนให้แก่วิธีการดังกล่าว

โรงเรียนประจำ 100 แห่ง จะเริ่มเปิดให้บริการในปีการศึกษา 2026–2027 โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จไม่เกินเดือนสิงหาคมปี 2026 ซึ่งในพื้นที่เขตชายแดน โรงเรียนหลังใหม่นั้นไม่เพียงแต่เป็น ‘สถานที่เรียนรู้’ เท่านั้น หากยังเป็นที่บ่มเพาะความฝันและมอบโอกาสให้แก่เด็กนับพันคนในเขตทุรกันดารอีกด้วย และถือเป็นการที่เวียดนามได้แปรสิทธิมนุษยชนให้เป็นรูปธรรม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด