สหรัฐผลักดันยุทธศาสตร์ขยายอิทธิพลในเอเชียกลาง
Quang Dung- VOV5 -  
(VOVWORLD) -การประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐกับ 5 ประเทศในเอเชียกลางได้แก่คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน และเติร์กเมนิสถานหรือ C5+1 ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐไม่เพียงแต่เป็นโอกาสรำลึกครบรอบ 10 ปีการก่อตั้งกลไก C5+1 เท่านั้น หากยังเป็นกิจกรรมที่สำคัญของสหรัฐในยุทธศาสตร์ขยายอิทธิพลในเอเชียกลางที่มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์และมีสถานะเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
กลไก C5+1 ได้รับการก่อตั้งเมื่อปี 2015 ซึ่งเป็นพื้นฐานทางการทูตหลักเพื่อให้สหรัฐส่งเสริมความร่วมมือกับ 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียกลาง
การฟื้นฟู C5+1
จากการเป็นเขตที่ได้รับอิทธิพลจากรัสเซียและเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจและพลังงานรายใหญ่ของจีน ในหลายปีที่ผ่านมา ประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียกลางถือเป็นตลาดที่มากศักยภาพของสหรัฐแต่ยังไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งการจัดตั้งกลไก C5+1 เมื่อ 1 ทศวรรษก่อนเป็นก้าวเดินที่ชัดเจน แสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์การขยายอิทธิพลในเอเชียกลางของสหรัฐนับตั้งแต่หลังสงครามเย็น แต่ในบทปราศรัยเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน นาย มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ยอมรับว่า ทางการสหรัฐชุดก่อนๆไม่ให้ความสนใจต่อการผลักดันกลไก C5+1 เนื่องจากเน้นแก้ไขวิกฤตในเขตต่างๆ แต่นี่เป็นช่วงเวลาเพื่อให้สหรัฐและเอเชียกลางแปรกลไก C5+ 1 เป็นเครื่องมือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ-เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพแทนการให้ความสำคัญต่อความร่วมมือด้านการเมืองเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อผลประโยชน์ของสหรัฐและประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียกลางนับวันมีความคล้ายคลึงกัน
ด้วยวิธีการเข้าถึงนี้ ประเด็นที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ กับผู้นำ 5 ประเทศในเอเชียกลางคือปัญหาเศรษฐกิจ พลังงาน ความมั่นคง การพัฒนาการขนส่งและแร่หายาก นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเน้นถึงการขยายความร่วมมือในด้านการลงทุน เทคโนโลยีและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยสหรัฐตั้งความหวังว่า การเสริมสร้างความสัมพันธ์กับ 5 ประเทศในเอเชียกลางจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของเส้นทางการขนส่ง ค้ำประกันห่วงโซ่อุปทานแร่หายากและขยายอิทธิพลด้านเทคโนโลยีในภูมิภาค สหรัฐยังผลักดัน “ระเบียงเอเชียกลาง-แคสเปียน – ยุโรป” ขยายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัล คลาวด์คอมพิวติ้งและปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ในกรอบการประชุม ได้มีการบรรลุข้อตกลงการค้าเศรฐกิจระหว่างสหรัฐกับอุซเบกิสถาน โดยอุซเบกิสถานให้คำมั่นที่จะซื้อสินค้าและลงทุนเงินจำนวน 3 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐในอีก 3 ปีข้างหน้าและเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 10 ปี ส่วนในด้านการเมือง คาซัคสถานได้สนับสนุนสหรัฐเข้าร่วมข้อตกลง Abraham ซึ่งเป็นข้อตกลงมุ่งสู่การปรับความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับบรรดาประเทศอาหรับและมุสลิมให้เป็นปกติ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นด้านการทูตของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ผลักดันการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสเมื่อต้นเดือนตุลาคม
เสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุ
เป้าหมายที่มีความหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ทางการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มุ่งเน้นในการประชุมสุดยอด C5+1 คือวิธีการเข้าถึงแหล่งแร่ธาตุที่สำคัญ โดยเฉพาะแร่หายาก ในสภาวการณ์ที่สหรัฐกำลังพยายามลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานแร่หายากจากจีน คาซัคสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียกลาง จัดสรรยูเรเนียมร้อยละ 40 ของอุปทานยูเรเนียมทั่วโลกและร้อยละ 25 ของการนำเข้าของสหรัฐ มีบทบาทสำคัญ ปัจจุบัน คาซัคสถานกำลังร่วมมือกับบริษัท Cove Capital ของสหรัฐในโครงการมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างห่วงโซ่การผลิตและการแปรรูปแร่หายาก มุ่งสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงแทนการส่งออกวัตถุดิบ ดังนั้น สำหรับสหรัฐ นี่เป็นแหล่งอุปทานที่มั่นคง มีส่วนช่วยเสริมสร้างห่วงโซ่คุณค่าเชิงยุทธศาสตร์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของจีนและรัสเซีย ส่วนทาจิกิสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่มีแหล่งสำรองแร่หายากและแร่ต่าง ๆ ที่อุดมสมบูรณ์ ก็เป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของสหรัฐ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เผยว่า
“หนึ่งในประเด็นหลักในระเบียบวาระการประชุมคือเรื่องแร่ธาตุที่สำคัญ ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการสหรัฐได้เสริมสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของสหรัฐผ่านการบรรลุข้อตกลงกับบรรดาประเทศพันธมิตรและประเทศต่างๆ เพื่อขยายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ”
นอกจากเรื่องของแร่ธาตุที่จำเป็นแล้ว สหรัฐยังให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อบทบาทของเอเชียกลาง โดยเฉพาะคาซัคสถานในเครือข่ายการขนส่งเอเชีย-ยุโรป ปัจจุบัน สินค้าร้อยละ 80 ระหว่างจีนกับยุโรปได้รับการขนส่งผ่านคาซัคสถานในขณะที่เส้นทางทะเลระหว่างเอเชียกลาง - ทะเลแคสเปียน – ยุโรปเป็นทางเลือกใหม่เพื่อทดแทนเส้นทางขนส่งผ่านรัสเซียและอิหร่าน จากการสนับสนุนทางการเงิน เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานบนเส้นทางนี้ สหรัฐหวังว่า จะสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ที่ปลอดภัยและรับมือกับการคว่ำบาตร และนำมาตรฐานของสหรัฐเข้าสู่ระบบการคมนาคมและศุลกากรของภูมิภาค ส่วนสำหรับ 5 ประเทศในเอเชียกลาง การที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งเสริมกลไก C5+1 จะสร้างโอกาสให้แก่ประเทศเหล่านี้ส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ พลังงาน เทคโนโลยี และความมั่นคง แทนที่จะมุ่งเน้นสองประเทศหุ้นส่วนดั้งเดิมอย่างรัสเซียและจีน ส่งเสริมความสำคัญทางภูมิเศรษฐศาสตร์ และภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค.
Quang Dung- VOV5