บทความดังกล่าวได้ย้ำถึงการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างสองฝ่ายภายใต้กรอบสหประชาชาติ อาเซียน-สหภาพยุโรป รวมถึงการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ ความร่วมมือด้านความมั่นคงและการพัฒนา การแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐสภา ซึ่งสร้างเครือข่ายความไว้วางใจซึ่งกันและกัน มีส่วนช่วยในการแบ่งปันความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก  หนึ่งในจุดเด่นของความสัมพันธ์เวียดนาม-สหภาพยุโรป คือ ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ถึงแม้เศรษฐกิจโลกกำลังประสบความผันผวนที่ซับซ้อน แต่มูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี 2024 ยังคงเติบโตในเชิงบวก อยู่ที่กว่าร้อยละ 10 หรือคิดเป็นมูลค่า 68.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 หรือคือเป็นมูลค่า 54.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 ปัจจุบัน สหภาพยุโรปเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ 4 และนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 6 ของเวียดนาม ขณะที่เวียดนามเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรปในอาเซียน ส่วนสหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสามของเวียดนาม โดยสินค้าส่งออกหลักของเวียดนามประกอบด้วย กาแฟ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อาหารทะเล รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสิ่งทอ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้บริโภคในสหภาพยุโรป

นอกจากนี้ บทความได้ยืนยันถึงแนวทางการยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านในอนาคตอันใกล้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อความสัมพันธ์ที่ก้าวกระโดดระหว่างเวียดนามและสหภาพยุโรปด้วยศักยภาพความร่วมมือที่กว้างขวาง พร้อมคุณภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ของโลกที่ผันผวน เวียดนามและสหภาพยุโรปมีความคล้ายคลึงกันหลายประการ ได้แก่ คุณค่าที่ยั่งยืน การสนับสนุนลัทธิพหุภาคี การสร้างสรรค์สันติภาพ และการขจัดความเสี่ยงจากความรุนแรงทางอาวุธและความขัดแย้ง เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบต่าง ๆ ในการพัฒนาที่ครอบคลุม โดยเวียดนามมีความประสงค์ที่จะร่วมมือกับสหภาพยุโรปต่อไป เพื่อยกระดับความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศสมาชิกให้ก้าวไปสู่ขั้นสูงใหม่ ตอบสนองผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย และกลายเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ต้นแบบระหว่างเอเชียและยุโรป อีกทั้งร่วมกันสร้างอนาคตที่สันติ มั่งคั่ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยั่งยืนมากขึ้นในทั้งสองภูมิภาคและทั่วโลก