(VOVworld) –  เช้าวันที่๒๐เดือนนี้ ที่กรุงเทพ ได้มีการจัดการประชุมสุดยอดอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงขยายวงค์หรือจีเอ็มเอสครั้งที่๕ ในหัวข้อ“มุ่งสู่การพัฒนาในทุกด้านอย่างยั่งยืนในอนุภูมิภาค”โดยมีนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ลาว กัมพูชา ไทย จีน ประธานาธิบดีพม่าและประธานธนาคารพัฒนาเอเชียเข้าร่วม

ท่านเหงวียนเติ๊นหยุงนายกรัฐมนตรีเวียดนามและผู้นำประเทศสมาชิกจีเอ็มเอสได้เน้นประเมินผลการปฏิบัติกลไกความร่วมมืออนุภูมิภาค หารือถึงความคิดเห็นต่างๆเพื่อปฏิบัติวิสัยทัศน์ของจีเอ็มเอสในอนาคต ในการนี้ ท่านเหงวียนเติ๊นหยุงได้ย้ำว่า อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงจะพัฒนาเจริญรุ่งเรือง มีความผูกพันและผสมผสานเพราะยุทธศาสตร์“เชื่อมโยง แข่งขัน ประชาคม”อยู่ในเป้าหมายรวมของแผน“พัฒนาในทุกด้านอย่างยั่งยืน”ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและเห็นว่า จีเอ็มเอสควรค้ำประกันความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ มนุษย์และสิ่งแวดล้อมในความร่วมมือ ขยายการสนทนาระหว่างประเทศสมาชิกอย่างจริงจังเพื่อยกระดับประสิทธิภาพของความร่วมมือในเวลาข้างหน้า ท่านเหงวียนเติ๊นหยุงกล่าวว่า“ในเวลาข้างหน้า จีเอ็มเอสควรผลักดันโครงการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนามนุษย์ให้สอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆในการพัฒนาเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือประเทศสมาชิกพัฒนารูปแบบการขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูความร่วมมือ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการบริหารน้ำในตัวเมือง  ชนบท และน้ำสะอาดระหว่างประเทศต่างๆ ร่วมกับคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงหรือเอ็มอาร์ซี ความร่วมมือจีเอ็มเอส ซึ่งเป็นกลไกเดียวในปัจจุบันที่มีทุกประเทศริมฝั่งแม่น้ำโขงเข้าร่วมอาจมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือประเทศสมาชิกยกระดับทักษะและประสานในการบริหารและใช้แหล่งน้ำอย่างยั่งยืน”

นายกฯเวียดนามกล่าวปราศรัยในกรอบจีเอ็มเอส๕

ในกรอบของจีเอ็มเอสครั้งที่๕ ท่านเหงวียนเติ๊นหยุงได้เข้าร่วมและกล่าวปราศรัยในการประชุมจำกัดวงโดยมีทัศนะที่ชัดเจนคือ การพัฒนาในทุกด้านอย่างยั่งยืนเป็นความต้องการที่จำเป็นและเร่งด่วนเพื่อปกป้องดอกผลของการพัฒนา เสนอความคิดที่จริงจังในแนวทางร่วมมือที่ผสมผสานเข้ากับธรรมชาติ กับมนุษย์และระหว่างประเทศในภูมิภาค ท่านเหงวียนเติ๊นหยุงยังมีความคิดเห็นเพื่อผลักดันการเชื่อมโยงและประสานระหว่างจีเอ็มเอสกับความคิดสร้างสรรค์ภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะ กระบวนการจัดตั้งประชาคมอาเซียนในปี๒๐๑๕ ทัศนะและวิธีการระดมแหล่งพลังต่างๆเพื่อปฏิบัติกรอบการลงทุนภูมิภาคจีเอ็มเอสจนถึงปี๒๐๒๒ ที่ประชุมได้อนุมัติแถลงการณ์ร่วมและประกาศเอกสารที่เกี่ยวข้องและเห็นพ้องให้จัดการประชุมสุดยอดจีเอ็มเอส ครั้งที่๖ ที่เวียดนามในปี๒๐๑๗

นายกรัฐมนตรีเวียดนามและนายกรัฐมนตรีไทย (Photo:chinhphu)

ในโอกาสนี้ ท่านเหงวียนเติ๊นหยุงได้พบปะกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีไทย โดยนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกันว่าจะประสานการปฏิบัติข้อตกลงที่ได้บรรลุในการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆนี้ของท่านประยุทธ์ จันทร์โอชาอย่างมีประสิทธิภาพ ยืนยันถึงความตั้งใจที่จะขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน รวมทั้งด้านข้าวและยางพารา ขยายการเชื่อมโยงคมนาคมทางน้ำ และบก เปิดเส้น ทางรถโดยสารระหว่างประเทศเวียดนามกับไทยเพื่อผลักดันการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ท่านประยุทธ์ จันทร์โอชาได้แจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยกำลังให้แรงงานเวียดนามจดทะเบียนทำงานในไทยและจะผลักดันการลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างสองประเทศ ผู้นำทั้งสองท่านยั้งเห็นพ้องกันว่า  ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือประชาสัมพันธ์และให้การศึกษาแก่ชาวประมง จัดการเรือและชาวประมงที่ทำผิดกฎหมายบนเจตนารมณ์ปฏิบัติตามกฎหมายสากล และบนพื้นฐานของความสัมพันธ์มิตรภาพที่กำลังพัฒนาอย่างดีงามและบนเจตนารมณ์แห่งมนุษยธรรม

บ่ายวันเดียวกัน ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศเสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมจีเอ็มเอสครั้งที่๕ ท่านเหงวียนเติ๊นหยุงได้เข้าร่วมพิธีเปิดบริษัทร่วมทุนเวียตเจต ไทย ให้การต้อนรับนายกสมาคมมิตรภาพไทย เวียดนาม  เจ้าหน้าที่บริหารเครือบริษัทใหญ่ๆของไทย และเยี่ยมเจ้าหน้าที่สถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทย

นายกฯเยือนสถานทูตเวียดนามและพบปะกับชมรมชาวเวียดนาม

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่๑๙เดือนนี้  สถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทยและคณะกรรมการลงทุนไทยได้จัดการสัมมนาในหัวข้อ“ขยายการเชื่อมโยงอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงขยายวงเพื่อประชาคมอาซียน”  ในการนี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยและนายบุ่ยแทงเซินรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ย้ำถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงต่อการพัฒนาของภูมิภาค ชี้ชัดถึงความพยายามมีส่วนร่วมและคำมั่นของรัฐบาลทั้งสองประเทศในการผลักดันโครงการเชื่อมโยงอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงขยายวงกับภูมิภาคอาเซียนในหลายด้าน โอกาสนี้ นายเลเลืองมินห์ เลขาธิการอาเซียนได้เสนอบทปราศรัยในหัวข้อ“เชื่อมโยงอาเซียน โอกาสและความท้าทาย”โดยยืนยันว่า การเชื่อมโยงเชื่อมโยงอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงขยายวงกับภูมิภาคอาเซียนเป็นกุญแจเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวของภูมิภาคในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะ เพื่อความสำเร็จของการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียน./.

หว่างหยุงและต๊งเซินผู้สื่อข่าววีโอวีที่รายงานข่าวจากประเทศไทย