นักลงทุนไทยเพิ่มเงินลงทุนในเวียดนาม (baocongthuong)

ไทยเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 9 ใน 132 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนามโดยมี 549 โครงการและรวมเงินทุน 10.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนไทยยังคงเดินหน้าซื้อสถานประกอบการชั้นนำในเวียดนามโดยในไตรมาสแรกของปี 2020 นักลงทุนไทยได้เพิ่มเงินทุนในตลาดเวียดนามถึง 43.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในไตรมาสแรกของปีนี้ คณะกรรมการฝ่ายบริหารของบริษัท เดลต้าอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย)จำกัดประกาศว่าจะเปิดสาขาในเวียดนามอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่สองหรือไตรมาสที่สามของปีนี้ด้วยเงินลงทุนจดทะเบียน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนบริษัทข้ามชาติย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนมายังภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเวียดนามตามแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นในทั่วโลก

เมื่อเดือนเมษายน บริษัทหุ้นส่วน Thinh Phat Cable ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ Stark ของไทย นอกจากนี้บริษัท Stark ยังซื้อบริษัท Dovina ของเวียดนาม โดยหวังว่าจะเป็นผู้นำในการผลิตสายเคเบิลในภูมิภาค

ส่วนบริษัท ซุปเปอร์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ประเทศไทย) ได้ใช้เงิน 457 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อหุ้นและลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการ ได้แก่ Loc Ninh 1 (200 MW) Loc Ninh 2 (200 MW), Loc Ninh 3 (150 MW) และ Loc Ninh 4 (200 MW) ในเมืองหลกนิงของจังหวัดบิ่งเฟือก

ในขณะเดียวกัน เครือบริษัทเอสซีจีของไทยประกาศว่า จะร่วมกับบริษัท Rengo ของญี่ปุ่นซื้อหุ้นร้อยละ 15 ของบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์เบียนหว่า มูลค่า 6แสน 3หมื่น 5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนการขยายการประกอบธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียนและเพิ่มการเจาะตลาดเวียดนาม

ตัวแทนของสมาคมนักธุรกิจไทยประจำเวียดนามเผยว่า ในเวียดนามมีโอกาสมากมายสำหรับนักลงทุน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นักลงทุนสามารถใช้โอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่หรือไม่ โดยเฉพาะในขณะที่เวียดนามถูกมองว่าจะสามารถแซงหน้าประเทศไทยในหลายด้านเนื่องจากมีอัตราการพัฒนาอย่างเข้มแข็งและมีประชากรรุ่นใหม่จำนวนมาก ซึ่งหมายความว่า ประชาชนเวียดนามพร้อมจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ.