ภาพการประชุม (vietnamplus)

นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ประเมินว่า ท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศได้ปฏิบัติมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัดจนได้บรรลุผลงานที่น่ายินดี สำหรับเรื่องวัคซีน รัฐบาลได้รายงานต่อกรมการเมือง ซึ่งทางกรมการเมืองได้มีแนวทางเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกทั้งสั่งให้กระทรวงสาธารณสุขรายงานแผนการนำเข้าวัคซีน การฉีดวัคซีนและกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับวัคซีน สำหรับการแพร่ระบาดที่สามารถควบคุมได้ในเบื้องต้น นายกรัฐมนตรีสั่งให้ท้องถิ่นต่างๆมีข้อเสนอเพื่อผลักดันการผลิตและประกอบธุรกิจโดยเร็วหลังจากควบคุมการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพบนเจตนารมณ์ของการปฏิบัติเป้าหมายควบคุมการแพร่ระบาดควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ

ในการอ่านรายงานในการประชุม นาย เหงียนแถ่งลอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดได้รับการควบคุมเป็นอย่างดี โดยมี 11 จาก 13 จังหวัดและนครที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ สำหรับการนำเข้าวัคซีน ในไตรมาสที่ 2 จะนำเข้าวัคซีน 9.5 ล้านโดส ในไตรมาสที่ 3 นำเข้า 25.9 ล้านโดสและในไตรมาสที่ 4 จะนำเข้า 51.1 ล้านโดส ซึ่งตามแผนการนี้ เวียดนามจะได้รับวัคซีนเกือบ 90 ล้านโดสภายในปีนี้เพื่อทำการฉีดให้แก่ประชาชนทุกคน ส่วนในเช้าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ได้วัคซีนล๊อดแรกจำนวน 1 แสน 1 หมื่น 7 พันโดสของบริษัท Astra Zeneca ได้มาถึงนครโฮจิมินห์แล้ว

“ถ้าดูตามกระบวนการรับวัคซีน พวกเรามั่นใจว่า จะไม่มีการขาดแคลนวัคซีน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือ กระทรวงสาธารณสุขต้องพยายามทำการฉีดวัคซีน และในครั้งนี้จะเป็นการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยมีการฉีดวัคซีนปริมาณกว่า 100 ล้านโดส ทางกระทรวงฯกำลังเตรียมแผนการฉีดวัคซีนภายใต้แนวทางระดมหน่วยงานทุกแห่ง กองทัพและตำรวจเข้าร่วมกระบวนการนี้เพื่อค้ำประกันการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง ยิ่งเราสามารถฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึงเท่าไหร่ การเปิดเศรษฐกิจก็ยิ่งเร็วขึ้น สำหรับวัคซีนที่เวียดนามกำลังทดสอบจะได้ใช้ภายในปี 2022”

 สำหรับการระบุสายพันธุ์ไวรัสของผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เผยว่า เป็นสายพันธุ์ 20C ซึ่งพบครั้งแรกในเวียดนาม โดยสายพันธุ์นี้ระบาดในสาธารณรัฐเกาหลี ศรีลังกาและอินเดีย ไม่พบในญี่ปุ่น ระดับการแพร่ระบาดเชื้อไม่สูงนัก ส่วนเรื่องระดับความรุนแรงหลังได้รับเชื้อตัวนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน.