ภาพของการประชุม

ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้ย้ำว่า เวียดนามได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.36 และใน 6 เดือนแรกของปี 2020 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.81 ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาแต่เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และยังคงสามารถรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค สร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความถูกต้องในการปฏิบัติมาตรการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ มีส่วนร่วมส่งเสริมความไว้วางใจของสถานประกอบการและประชาชนต่อการนำของพรรคและรัฐ

“การพยากรณ์สถานการณ์ประสบอุปสรรคมากมาย ในสภาวการณ์ดังกล่าว พวกเราต้องมีนโยบายพิเศษ ซึ่งที่ประชุมต้องยื่นข้อเสนอต่างๆในการปฏิบัติ“ 2 เป้าหมาย” ต้องส่งเสริมความสามัคคี ความร่วมมือและความตั้งใจในการฟันฝ่าอุปสรรค”

นายกรัฐมนตรีได้กำหนด 7 ปัญหาเพื่อหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมครั้งนี้ รวมทั้ง ระบุความเสี่ยงจากทั้งภายในและภายนอกเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค ดึงดูดการลงทุนและพัฒนาเศรษฐกิจในด้านใหม่ๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล เป็นต้น

ในการกล่าวปราศรัยสรุปการประชุม ท่านนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ปฏิบัติมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเผยว่า โลกกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรง ซึ่งต้องการให้เวียดนามต้องเฝ้าติดตามการแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดและมีนโยบายอย่างทันการณ์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ  กระทรวงวางแผนและการลงทุนได้วางแผนการธำรงอัตราการขยายตัวในไตรมาสที่3และ 4 ป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจตกเข้าสู่ภาวะถดถอย นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกย้ำว่า ต้องยืนหยัดป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ซึ่งเป็นเงื่อนไขชี้ขาดเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ให้ความสนใจต่อการปฏิบัติมาตรการพัฒนาการประกอบธุรกิจ การสร้างงานทำ การพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน บริหารนโยบายด้านงบประมาณอย่างคล่องตัวและควบคุมภาวะเงินเฟ้อ มีกลไกที่สอดคล้องเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ การลงทุน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสูง เป็นต้น แก้ไขอุปสรรคต่างๆในการปฏิบัติโครงการและใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป.