ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวได้เผยว่า ข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า อิสราเอลได้เห็นพ้องที่จะระงับการประกาศอธิปไตยเหนือพื้นที่ต่างๆในเขตเวสต์แบงก์ที่มีแผนผนวกเป็นดินแดนของตน ส่วนในข้อความที่โพสต์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ได้ชื่นชมข้อตกลงดังกล่าวว่า เป็นก้าวกระโดดที่สำคัญและเป็นข้อตกลงสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ในวันเดียวกัน นาย โดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศข้อตกลงดังกล่าวภายใต้ชื่อข้อตกลง Abraham โดยในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาว นาย โดนัลด์ ทรัมป์ได้เผยว่า“ภายหลัง 49 ปี อิสราเอลและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติ โดยจะเปิดสถานทูตและเริ่มความร่วมมือในทุกด้าน ข้อตกลงนี้คือก้าวเดินที่สำคัญเพื่อมุ่งสู่การสร้างสรรค์ภูมิภาคตะวันออกกลางที่สันติภาพ ปลอดภัยและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ในสภาวการณ์ที่กลุ่มรัฐอิสลามได้ถูกทำลาย ผมหวังว่า หลายประเทศในโลกอาหรับจะปรับความสัมพันธ์กับอิสราเอลให้เป็นปกติเหมือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์”

ส่วนประเทศอาหรับอื่น ๆ ได้ชื่นชมข้อตกลงดังกล่าวระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยนาย Abdel Fattah El-Sisi ประธานาธิบดีอียิปต์ได้แสดงความยินดีต่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และจะส่งเสริมกระบวนการสันติภาพเพื่อสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค ส่วนบาห์เรนได้ชื่นชมความพยายามของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมทั้งย้ำว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะมีส่วนร่วมส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและแสดงความประสงค์ว่า ฝ่ายต่างๆจะพยายามมากขึ้นเพื่อบรรลุมาตรการแก้ไขการปะทะระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอลอย่างยุติธรรม รอบด้านและในระยะยาว ส่วนปาเลสไตน์ได้ปฏิเสธข้อตกลงดังกล่าว.

ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามประจำสหรัฐและอียิปต์