ฮานอยที่ (ยัง) คิดถึง

(VOVWORLD) - ในการตอบคำถามของminigameเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาซึ่งถามเกี่ยวกับเมืองหลวงของเวียดนามและความคิดเห็นของผู้ตอบ เราก็ได้รับความเป็นจากคุณ ปิยะกษิดิ์เดช เปลือยศรี ซึ่งนอกจากตอบถูกแล้วเขายังบอกว่ามีความหลงไหลเวียดนามและชอบศึกษาเกี่ยวกับเวียดนาม พร้อมทั้งได้ส่งบทเขียนเกี่ยวกับเวียดนามมาฝากด้วย

ฮานอยที่ (ยัง) คิดถึง - ảnh 1

จุดเริ่มต้นความรักและความหลงใหลในประเทศเวียดนามของผมมาจากอาจารย์สอนภาษาเวียดนามท่านหนึ่งที่ชื่อ “โกซุง” ( “โก” หมายถึง อาจารย์ผู้หญิง ส่วนคำว่า “ซุง” คือชื่อภาษาเวียดนามของท่าน) ซึ่งเป็นคนแรกที่นำพาผมเข้าสู่โลกของการเรียนภาษาและวัฒนธรรมเวียดนาม “โกซุง” ถือเป็นผู้ปลุกความรักและความกระหายใคร่รู้เกี่ยวกับประเทศเวียดนาม กระทั่งทำให้ผมต้องหันมาสนใจศึกษาภาษาและวัฒนธรรมเวียดนามอย่างเอาจริงเอาจัง และเรียกได้นี่เป็นจุดเริ่มต้นของโชคชะตาซึ่งนำพาผมมารู้จักกับประเทศเวียดนามอย่างแท้จริงจนนำไปสู่การเดินทางเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในเวียดนามหลายครั้งโดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 15-21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 ซึ่งผมมีโอกาสไปเยือนเวียดนามอีกครั้ง โดยครั้งนี้ไปเยือนนครหลวงฮานอยอีกครั้ง ซึ่งถ้าจำตัวเลขไม่ผิดครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่ 13 ของผมดังนั้น กล่าวได้ว่าฮานอยคือหนึ่งในสถานที่ผมผูกพันและคุ้นเคยมากที่สุดแห่งหนึ่งอย่างไรก็ตามการเยือนฮานอยของผมในแต่ละครั้งผมจะไปในบทบาทที่แตกต่างกันออกไปตามวาระและโอกาสของชีวิต เพราะเมื่อเป็นนักศึกษาก็จะไปในฐานะผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาก็ไปในฐานะนักท่องเที่ยวหรือบางครั้งก็ไปในฐานะมัคคุเทศก์ให้กับเพื่อนๆแต่ครั้งล่าสุดนี้จะแตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ เพราะผมไปในฐานะนักวิจัยเพื่อเก็บข้อมูลด้านการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรการท่องเที่ยวในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต่างๆในเมืองฮานอย

แม้บทบาทการไปเยือนเวียดนามแต่ละครั้งจะแตกต่างกันทว่าบทบาทของผู้กระหายใคร่รู้เกี่ยวกับสังคม วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเวียดนาม โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างฮานอยยังคงพล่านในความรู้สึก เพราะในวันที่ผมและคณะว่างเว้นจากการเก็บข้อมูลวิจัย ผมและทีมวิจัยได้ไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆหลายแห่งของเมืองฮานอย เช่นวัดเสาเดียว สุสานลุงโฮ พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาเวียดนาม ทะเลสาบคืนดาบ และสะพานเทฮุก

การมาเวียดนามครั้งนี้ เรียกได้ว่าผมและทีมวิจัยมาพร้อมกับแรงปรารถนาให้การเก็บข้อมูลวิจัยดำเนินการไปด้วยราบรื่น ฉะนั้น สถานที่แรกที่ผมนำทีมวิจัยไปคือวัดเสาเดียว ซึ่งวัดแห่งนี้มีลักษณะแตกต่างไปจากวัดทั่วๆไป เนื่องจากเป็นเจดีย์หลังเล็กๆภายในประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมพันกร ตั้งอยู่บนเสาเพียงต้นเดียวกลางสระบัว เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะตำนานกล่าวไว้ว่า ในสมัยพระเจ้าหลีถายโต่ พระองค์อยากได้โอรสมาก และรอคอยมาเป็นเวลานาน กระทั่งคืนวันหนึ่ง พระองค์ทรงสุบินเห็นพระโพธิสัตว์กวนอิมปรากฏกายที่สระบัว แล้วท่านประทานโอรสให้กับพระองค์ หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์ก็ได้มีพระโอรส จากนั้นจึงทรงให้สร้างเจดีย์ขนาดเล็กบนเสาต้นเดียวไว้กลางสระบัวเพื่อถวายเจ้าแม่กวนอิม ในปี คศ. 1049 ดังนั้น เมื่อต้องการบุตร คนส่วนใหญ่จะนิยมเดินทางมาที่วัดเสาเดียวแต่เนื่องจากผมและทีมวิจัยยังคงโสด     พรที่ขอจึงเกี่ยวข้องกับการทำงานเป็นหลัก.

ฮานอยที่ (ยัง) คิดถึง - ảnh 2

หลังจากเสร็จธุระที่วัด ผมและทีมวิจัยเดินเท้าต่อไปยังสุสานลุงโฮซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดเสาเดียวนัก      จากนั้นจึงตรงเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับการเข้าไปชมด้านในของสุสาน แต่เป็นที่น่าเสียดายมากๆที่ได้รับคำตอบจากพี่ทหารที่แต่งเครื่องแบบสีขาวยืนอารักขาด้านหน้าสุสานบอกว่าช่วงบ่ายสุสานปิดนักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ดังนั้นผมและทีมวิจัยจึงได้แค่ถ่ายรูปบริเวณด้านหน้าสุสานเพื่อเป็นเครื่องเตือนความจำว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาที่นี่