ผลักดันการประหยัดพลังงานและใช้พลังงานทดแทนในหมู่บ้านศิลปาชีพ

(VOVWORLD) - การใช้พลังงานทดแทนและการประหยัดพลังงานกำลังได้รับการปฏิบัติอย่างแพร่หลายในหมู่บ้านศิลปาชีพต่างๆในเวียดนาม เนื่องจากเกิดประโยชน์  แต่การขยายรูปแบบประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทนยังมีความท้าทายต่างๆ ซึ่งต้องได้รับการช่วยเหลือจากรัฐเพื่อให้หมู่บ้านศิลปาชีพปรับปรุงเครื่องจักรกล อุปกรณ์ต่างๆ กู้เงินด้วยดอกเบี้ยต่ำเพื่อลงทุนผลิตและประกอบธุรกิจ
ผลักดันการประหยัดพลังงานและใช้พลังงานทดแทนในหมู่บ้านศิลปาชีพ - ảnh 1การใช้เครื่องจักรกลเพื่อทำข้าวเม่าในหมู่บ้าน เมจี

เวียดนามมีหมู่บ้านศิลปาชีพกว่า 5,400 แห่งรวมแขนงอาชีพเกือบ 50 สาขาอาชีพ เช่น อาชีพทำเครื่องเงิน ตีเหล็ก ลงรักขัดเงา เครื่องเซรามิก เครื่องจักสาน การทอผ้าและภาพพื้นเมือง เป็นต้น หมู่บ้านศิลปาชีพได้มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและโครงการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ของท้องถิ่นต่างๆ

ขณะนี้ การผลิตในหมู่บ้านศิลปาชีพส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมและธุรกิจครัวเรือนที่ใช้อุปกรณ์ที่ล้าสมัยที่สิ้นเปลืองพลังงานและก่อให้เกิดมลภาวะสิ่งแวดล้อม มาตรการแรกเพื่อประหยัดพลังงานคือการใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรกลที่ทันสมัย นาย จิ่งก๊วกดาด อุปนายกสมาคมหมู่บ้านศิลปาชีพเวียดนามเผยว่า "หมู่บ้านศิลปาชีพส่งเสริมการประหยัดไฟฟ้าด้วยการหันมาใช้มอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆที่ประหยัดพลังงาน ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อควบคุมความเร็วของเครื่องยนต์ ใช้พลังงานในการผลิตอย่างเหมาะสม ใช้แสงธรรมชาติในโรงงาน การประหยัดพลังงานในหมู่บ้านศิลปาชีพมีส่วนร่วมลดการใช้ไฟฟ้าและแหล่งพลังงานที่นำมาใช้ผลิตไฟฟ้าและช่วยให้ต้นทุนการผลิตถูกลง"

นอกจากนั้น หมู่บ้านศิลปาชีพเวียดนามได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น เช่นการเปลี่ยนจากเทคโนโลยีถ่านหินมาใช้ก๊าซซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าและช่วยแก้ปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อม หมู่บ้านเครื่องเซรามิก บ๊าตจ่าง ในกรุงฮานอยเป็นหนึ่งในหมู่บ้านตัวอย่างเกี่ยวกับการผลิตที่ "เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม" เนื่องจากปฏิบัติมาตรการประหยัดพลังงานและใช้พลังงานทดแทน นาย ห่าวันเลิม ตัวแทนของหมู่บ้านเครื่องเซรามิกบ๊าตจ่าง เผยว่า "ครอบครัวผมเป็นครอบครัวแรกที่ใช้เตาอบก๊าซเป็นการนำร่อง เตาอบก๊าซมีประสิทธิภาพดีและไม่ต้องใช้ไฟฟ้า หลังจากโครงการประสบความสำเร็จ หลายๆครอบครัวก็หันมาช้เตาอบก๊าซ ในช่วงปี 2000-2007 หมู่บ้านบ๊าตจ่างได้เปลี่ยนจากการใช้เตาถ่านหินมาใช้เตาอบก๊าซทั้งหมด เพราะมีประสิทธิภาพสูงทางเศรษฐกิจ การผลิตเครื่องเซรามิกด้วยเตาไฟฟ้าและเตาอบก๊าซประหยัดพอ ๆ กัน แต่เตาไฟฟ้าให้อุณหภูมิต่ำกว่าเตาอบก๊าซ ทำให้การอบผลิตภัณฑ์ให้ได้สีตามที่ตลาดต้องการไม่สามารถทำได้ จากการเป็นหมู่บ้านที่มีควันฟืนในอดีต ปัจจุบัน หมู่บ้านบ๊าตจ่างได้กลายเป็นหมู่บ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคุณภาพของผลิตภัณฑ์เครื่องเซรามิกได้รับการยกระดับให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นก้าวเดินที่โดดเด่นของหมู่บ้าน บ๊าตจ่าง"

เช่นเดียวกับหมู่บ้าน บ๊าตจ่าง หมู่บ้านทำขนมจีน ฟู้โดในกรุงฮานอยได้เปลี่ยนจากการใช้เตาถ่านมาใช้หม้อไอน้ำและใช้ระบบผลิตแบบปิดที่ทำงานด้วยไฟฟ้า นาย เหงียนวันหว่า ประธานสโมสรอาชีพทำขนมจีนในหมู่บ้าน ฟู้โด เผยว่า "พวกเราได้ประสบความสำเร็จในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี โดยการใช้เครื่องจักรกลในการทำแป้งและทำขนมจีนมีประสิทธิภาพอย่างชัดเจน สิ่งแวดล้อมในหมู่บ้านได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น เมื่อก่อน ตอนที่ยังไม่ใช้เครื่องจักรไฟฟ้า เราได้ใช้เตาถ่านซึ่งสามารถผลิตขนมจีนได้แค่ประมาณ 100-200 กิโลกรัมต่อวัน แต่ปัจจุบัน เราสามารถผลิตขนมจีนได้ถึง 2,000 กิโลกรัมต่อวันและบางโรงงานสามารถผลิตได้มากถึง 3,000 กิโลกรัมต่อวัน มีคุณภาพ น่าทานและอร่อยมากขึ้น"

ผลักดันการประหยัดพลังงานและใช้พลังงานทดแทนในหมู่บ้านศิลปาชีพ - ảnh 2เครื่องจักรกลเพื่อผลิตขนมจีนของหมู่บ้าน ฟู้โด๋ 

เพื่อใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด หมู่บ้านศิลปาชีพหลายแห่งในเวียดนามกำลังหันมาบริหารจัดการการใช้พลังงานโดยทำการผลิตในช่วงที่มีการใช้ไฟน้อยและใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ดร. เหงียนวีขาย รองประธานสภาให้คำปรึกษาของสมาพันธ์หมู่บ้านศิลปาชีพเวียดนามเผยว่า "ที่หมู่บ้านศิลปาชีพ สถานประกอบการและผู้บริหารต้องอัพเดทข้อมูลเนื่องจากพลังงานในปัจจุบันไม่เหมือนเมื่อก่อน แหล่งพลังงานไม่ได้มีแค่ถ่านหิน ฟืนและแกลบเท่านั้น หากยังมีพลังงานสะอาด เช่นมีเทนคลาเทรต (Methane hydrates/Methane clathrates) ซึ่งเป็นพลังงานแห่งอนาคต มีเทนคลาเทรตให้ความร้อนมากกว่า 2 ถึง 2.5 เท่า พวกเราต้องมียุทธศาสตร์พัฒนาพลังงานสำหรับหมู่บ้านศิลปาชีพในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0"

การผลักดันประหยัดพลังงานและใช้พลังงานทดแทนในหมู่บ้านศิลปาชิพไม่เพียงแต่ตอบสนองใบสั่งซื้อที่มีความต้องการสูงและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมค้ำประกันคุณภาพและความสวยงามของผลิตภัณฑ์ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งนี่ถือเป็นกุญแจเพื่อพัฒนาหมู่บ้านศิลปาชีพเวียดนามอย่างยั่งยืน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด