นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง นักศึกษาไทยปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ1 ของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย

(VOVWORLD) - ด้วยผลการเรียน 3.92 นักศึกษายอดเยี่ยมในตลอด 4 ปีและปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 ในปีการศึกษา 2015-2019 ของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย นี่คือผลงานที่ทำได้ไม่ง่ายนักสำหรับนักศึกษาเวียดนาม รวมทั้งนักศึกษาต่างชาติ แต่นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง อายุ 24 ปีจากประเทศไทยสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม 
นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง นักศึกษาไทยปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ1 ของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย - ảnh 1นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง นักศึกษาไทยปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ1 ของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย 

ในพิธีมอบปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บนใบหน้าของนางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง เกิดปี 1995 ชื่อภาษาเวียดนามคือ ชาง เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติเนื่องจากได้ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัยฯ เมื่อ 4 ปีก่อน นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง ยังใช้ภาษาเวียดนามไม่เก่ง แต่ขณะนี้ เธอเป็นหนึ่งในนักศึกษา 5 คนจากนักศึกษาทั้งหมด 625 คนที่ได้คะแนนสูงสุดและตอนนี้ก็เป็นที่รู้จักว่า เธอคือนักศึกษาชาวไทยที่ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เมื่อกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการมาเรียนภาษาเวียดนาม นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง ที่ถักผมเปียและมีรอยยิ้มบนใบหน้า เล่าให้ฟังว่า “ตอน ม.6 ตอนนั้นมีทั้งสอบทุนของรัฐบาลไทยและสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดิฉันสอบเข้าทั้งสองอย่างเพราะไม่รู้ว่าจะติดอันไหน จะทางอันไหน ที่นี่พอติดจุฬาฯ คณะรัฐศาสตร์ก่อน แต่ก็ติดทุนด้วย ได้รับทุนของรัฐบาลด้วย เพราะฉะนั้นก็สุดท้ายก็คือรับทุนและไม่ไปเรียนที่จุฬาฯ ตอนแรก พ่อแม่ก็รู้สึกว่า เสียดายให้เราเพราะจุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัย Top ของประเทศไทย และการเข้าเรียนจุฬาฯไม่ใช่เรื่องง่าย เขาก็รู้สึกว่า เรียนจุฬาฯจะดีกว่าไหมคือถ้าเทียบกับ Universtiy Ranking อันดับมหาวิทยาลัยในทั่วโลก เขาก็เสียดายแทนและเป็นห่วงเราด้วย จะอยู่ได้ไหม เขาก็ไม่รู้เกี่ยวกับเวียดนาม แต่ว่า เขาก็ไม่วางขัดเรา เขาก็บอกว่า แล้วแต่ลูกถ้าเห็นมันเป็นโอกาสที่ดี”

นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง นักศึกษาไทยปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ1 ของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย - ảnh 2 ด้วยผลการเรียนที่ดีนี้ นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง ได้รับทุนการศึกษาของรัฐบาลไทยให้ไปศึกษาต่อที่อังกฤษ

จริงๆ นี่คือการตัดสินใจที่ลำบากของนางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง เพราะในช่วงนั้นหรือแม้กระทั่งในปัจจุบัน ภาษาเวียดนามไม่ใช่ภาษาที่ได้รับความนิยม นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง เล่าถึงเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจและหลงใหลเรียนภาษาเวียดนามว่า “ตอนเรียนที่มัธยมศึกษาตอนปลาย มีความสนใจเกี่ยวกับประเทศในอาเซียนอยู่แล้ว และสนใจมากที่สุดเกี่ยวกับประเทศเวียดนาม เพราะเป็นประเทศ สำหรับคนไทยจะรู้จักเวียดนามผ่านสงคราม การสู้รบมายาวนานในประวัติศาสตร์ แต่ที่นี้ พอหนูเรียนมาไป หนูก็รู้สึก ทำไมเราในฐานะเป็นคนไทย ทำไมเรารู้จักถึงประเทศอื่นๆที่อยู่ไกลๆ แบบอังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เยอะกว่าประเทศที่ใกล้เคียงในประเทศไทย ก็รู้สึกมันไม่ได้ ต้องเปิดโอกาสให้ตัวเอง ทำให้เรามีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับประเทศอาเซียนเหมือนกัน และเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่โดดเด่นมาก เพราะว่าเวียดนามมีชื่อเสียงเรื่องสงครามมายาวนาน แต่ว่า ในปัจจุบัน เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศสามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างก้าวหน้า รวดเร็วมาก เพียงในระยะเวลาไม่กี่ปี ก็เลยเป็นจุดอยากรู้ว่า คนเวียดนามทำยังไง รัฐบาลทำยังไง ทำไมพาประเทศเวียดนามเจริญพัฒนาได้มากขึ้นถึงขนาดนี้”

ก่อนเดินทางมาเรียนภาษาเวียดนามที่ประเทศเวียดนาม นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง ได้เรียนภาษาเวียดนามที่ประเทศไทยเป็นเวลา 3 เดือน แต่ในช่วงแรกที่เพิ่งมาเวียดนาม เธอยังฟังและเขียนภาษาเวียดนามไม่ได้ แต่ด้วยความพยายามแสวงหาวิธีการเรียนภาษาเวียดนามให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เธอค่อยๆรู้สึกว่า การเรียนภาษาเวียดนามไม่ยาก “เรียนแค่ในห้องและออกจากห้อง ไม่ได้พูดกับใครเลย วันแรกที่เพิ่งมาเวียดนามก็งงไปเลย พูดได้แค่ Xin Chao, Cam on ตอนแรก ยากมาก รู้สึกว่าเราเข้ามาเรียน พอพึ่งมาเวียดนามอีกก็รู้สึกว่า มันยากขึ้นไปกว่าอื่น เพราะว่า ตอนไหนไปซื้อของ ทุกคนไม่รู้ว่าเราเป็นคนต่างชาติ หน้าหนูเหมือนเป็นคนเวียดนาม ก็รู้สึกว่า ฟังไม่ออก ไม่เข้าใจเลย แต่พอเริ่มเรียนประมาณ 3 เดือนที่คณะเวียดนามศึกษา มันก็ใช้มากขึ้นและฟังทุกวันก็รู้สึกมันก็ง่าย เพราะว่า หนูเน้นการเรียนในห้องเรียนและเอาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน หนูเป็นคนชอบเจอคนเยอะมาก ชอบแบบนั่งรถแท็กซีหรือรถเมล์ก็ชวนคนขับคุย คุยไปเรื่อยๆเราก็ถามมาก คำไหนเราไม่เข้าใจก็ถามคนเวียดนาม แล้วก็ไปคุยกับคนป้าที่ขาย trà đá จะพยายามไม่ขาดเรียน ถ้าไม่มีธุระ ไม่มีงานหรือไม่ได้ป่วยก็จะไป”

จากการได้คะแนนสูงที่สุดในคณะเวียดนามศึกษา พร้อมกับการได้คะแนนเต็มด้วยวิทยานิพนธ์ภายใต้หัวข้อ “นโยบายการต่างประเทศของสยามและด่ายนามต่อประเทศตะวันตกในช่วงต้นศตวรรษที่ 19”  นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุงได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ของคณะเวียดนามศึกษาและมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยในปีการศึกษา 2015-2019 ซึ่งในการจัดทำวิทยานิพนธ์นี้ เธอได้เดินทางกลับประเทศไทย 2 ครั้งและใช้เวลา 3 สัปดาห์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล เอกสารทั้งเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ “วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสยามกับ Đại Nam ก็คือเวียดนามในสมัยก่อน เป็นนโยบายต่างๆประเทศของสนามกับเวียดนาม ที่นี่ต่อประเทศชาติในตะวันตกในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่19 เป็นช่วงก่อนที่ฝรั่งเศสจะเข้ามาที่เวียดนาม เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจระหว่างสองประเทศ เพราะว่า ในอาเซียนกำลังต้องเจอกับมหาอำนาจตะวันตก ต้องล่าอาณานิคม อาเซียนเป็นเป้าหมายที่ประเทศตะวันตกชอบเข้ามา ตอนนั้นสยามกับเวียดนามเป็นระบบเดียวกันคือระบบกษัตริย์ ตอนนั้นคือ Nhà Nguyễn (ราชวงศ์เหงียน) ตอนนั้นที่ไทยคือรัชกาลที่ 1 หนูรู้สึกว่ามันเหมือนกัน คือเราเริ่มต้นเหมือนกัน แต่ผลสุดท้ายก็ไม่เหมือนกัน หนูก็เลยอยากรู้ว่า อะไรทำให้ผลสุดท้ายไม่เหมือนกัน สภาให้คะแนนในวันนั้นมีคณะกรรมการ 5 คน ก็มีคะแนน 3 ส่วน มีเต็ม 30 คะแนน มี 10 คะแนนจากอาจารย์ที่ปรึกษา หนูได้ 10 คะแนนจากคณะกรรมการอาจารย์ที่เป็นคนหลักในการประเมินและอีก 3 ท่านให้ 10 คะแนน เพราะฉะนั้น คะแนนก็ได้รวมใน 10”

นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง นักศึกษาไทยปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ1 ของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย - ảnh 3 นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง มีความประสงค์ว่า จะมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทย

ด้วยผลการเรียนที่ดีนี้ นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง ได้รับทุนการศึกษาของรัฐบาลไทยให้ไปศึกษาต่อโดยเธอเลือไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และการเมืองที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาจากตัวเลือกคือสหรัฐ อังกฤษ นิวซีแลนด์ แคนาดาและออสเตรเลีย “ได้ 5 ประเทศตอนปริญญาโท เลือกไปเรียนอเมริกา อังกฤษ แคนาดา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย แต่ทุกประเทศ ยกเว้นอังกฤษเรียน 2 ปีหมดเลย แต่ที่อังกฤษเรียนปีเดียว ปีหน้าเวียดนามเป็นประธานอาเซียนจะเรียนปีเดียวเผื่อกลับมา ก็อยากเพื่อคนไทย เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็อยากให้มันดี ก็หวังว่า ในอนาคตจะสามารถใช้ภาษาเวียดนามได้เป็นประโยชน์กับสองประเทศ สามารถแปลให้ผู้นำหรือคณะต่างๆที่มาเวียดนามหรือคณะเวียดนามไปเมืองไทย ก็หวังว่า จะมีส่วนร่วมต่อความสัมพันธ์สองประเทศ”

หลังจากเรียนจบที่ประเทศอังกฤษ นางสาว ลลิตภัทร เกิดกรุง จะเดินทางกลับประเทศและได้รับทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศไทย เธอมีความประสงค์ว่า จะได้เดินทางกลับเวียดนามและทำงานที่สถานทูตไทย ณ กรุงฮานอเพื่อมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทย./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

Suthiwut Nantajuti

สุดยอดมากเลยครับ

ข่าวอื่นในหมวด