การค้ำประกันความปลอดภัยด้านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตคือสิ่งที่ทุกประเทศต้องทำ

(VOVWORLD) - ในยุคแห่งการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การเข้าถึงและแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ย่อมจะเกิดขึ้นแต่ผลพวงที่ตามมาคือการโจมตีทางอินเตอร์เน็ตก็นับวันมีความซับซ้อนและสร้างความท้าทายไม่น้อยต่องานด้านการค้ำประกันความปลอดภัยด้านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็เหมือนกับประเทศอื่นๆในโลก เวียดนามได้ปฏิบัติกฎหมายความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตเพื่อค้ำประกันความปลอดภัยด้านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต การรักษาความมั่นคงของชาติ ตลอดจนการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ
การค้ำประกันความปลอดภัยด้านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตคือสิ่งที่ทุกประเทศต้องทำ - ảnh 1ผลการลงคะแนนผ่านความเห็นชอบกฎหมายความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตของเวียดนาม (VNA) 

ระบบอินเตอร์เน็ตของเวียดนามถูกฝ่ายอิทธิพลที่เป็นอริและอาชญากรไซเบอร์ใช้เพื่อทำลายความมั่นคงแห่งชาติ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยทางสังคม โดยเฉพาะสิ่งที่อันตรายคืออาชญากรรมที่มุ่งปล่อยข่าวยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายเพื่อต่อต้านสังคมและจัดกระบวนการปฏิวัตในรูปแบบต่างๆเพื่อมุ่งเปลี่ยนแปลงระบอบการเมือง ปัญหาข่าวปลอมและข่าวเท็จที่ถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตได้ส่งผลกระทบในทางลบต่ออธิปไตย ผลประโยชน์ ความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งสิทธิและผลประโยชน์ขององค์กรและบุคคลต่างๆของเวียดนาม ตามข้อมูลสถิติของกระทรวงรักษาความมั่นคงทั่วไป มีเว็บไซต์ 2500 เว็บไซต์ที่มีโฮสต์เว็บในต่างประเทศทำการเผยแพร่ข้อมูลที่ต่อต้านพรรคและรัฐเวียดนาม

ปฏิบัติกฎหมายความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตเพื่อรักษาความมั่นคงและพัฒนาประเทศ

กฎหมายความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตของเวียดนามมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2019 โดยยืนยันหลักการคือ บริษัทที่ให้บริการทางอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะสถานประกอบการข้ามชาติต้องมีความรับผิดชอบและให้ความเคารพกฎหมาย อธิปไตย ผลประโยชน์และความมั่นคงของเวียดนาม เวียดนามเรียกร้องให้หุ้นส่วนต่างๆต้องให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆเมื่อเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในเวียดนาม เช่น การเปิดสำนักงานตัวแทน การลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้อย่างถูกต้อง การประสานงานอย่างทันการณ์เพื่อลบเว็บไซต์ที่แอบอ้างว่า เป็นเว็บไซต์ของผู้นำพรรคและรัฐ รวมทั้งบัญชีผู้ใช้ที่นำเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์เหงวียนแหมงหุ่งได้ชี้ชัดว่า“ต้องกำชับให้สถานประกอบการข้ามชาติปฏิบัติตามกฎหมายของเวียดนาม โดยเฉพาะข้อกำหนดเกี่ยวกับการลบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องให้ความเคารพกฎหมายสากลและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างเด็ดขาด”

การบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตของเวียดนามในช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาได้มีส่วนช่วยสร้างความโปร่งใสด้านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต สร้างความเชื่อมโยงระหว่างด้านต่างๆในชีวิตสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า จุดมุ่งหมายของกฎหมายความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตของเวียดนามคือสิ่งที่ถูกต้อง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงรักษาความมั่นคงทั่วไปบุ่ยวันนามได้ย้ำว่า“หนึ่งในจุดมุ่งหมายที่สำคัญของกฎหมายความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตคือปกป้องความมั่นคงของประเทศ มีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ค้ำประกันงานด้านกลาโหม อธิปไตยและยกระดับสถานะในด้านต่างประเทศของเวียดนาม”

การปฏิบัติกฎหมายความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตของเวียดนามในเวลาที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า การค้ำประกันเสรีภาพในด้านข้อมูลคือนโยบายที่ถูกต้อง สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาของโลกปัจจุบัน แต่ก็เหมือนกับประเทศต่างๆ รัฐเวียดนามต้องบริหารและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมืองเวียดนามและข้อมูลสำคัญๆในประเทศเวียดนามและกฎหมายความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตถือเป็นกลไกที่สนับสนุนรัฐบาลเวียดนามในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ

ปกป้องอธิปไตยความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตคือสิ่งที่ทุกประเทศต้องทำ

ความท้าทายในปัจจุบันและความเสี่ยงต่างๆทำให้หลายประเทศต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบและวิธีการบริหารระบบอินเตอร์เน็ต โดยต้องจัดตั้งระบบกลไกการป้องกันและเพิ่มความเข้มงวดผ่านการปฏิบัติมาตรการต่างๆ เช่น เยอรมนีได้อนุมัติกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยบริษัทให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จะต้องจ่ายค่าปรับถึง 50 ล้านยูโรถ้าหากปล่อยให้ผู้ใช้บริการทำการดูหมิ่น ใส่ร้ายผู้อื่นหรือนำเสนอข่าวเท็จ ส่วนออสเตรเลียได้ประกาศว่า ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์จะถูกปรับ ร้อยละ 10 ของยอดรายได้

ประจำปีหรือผู้บริหารบริษัทต้องจำคุก 3ปีถ้าหากไม่ทำการลบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ส่วนกฎหมายต่อต้านข่าวเท็จของอียิปต์ได้กำหนดให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบบัญชีของผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 5 พันคน ส่วนกฎหมายความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตของไทยได้กำหนดว่า ผู้ที่ข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบอิรเตอร์เน็ตต้องถูกจำคุก 7 ปี หรือล่าสุดคือฟิลิปปินส์ก็ประกาศใช้กฎหมายที่ระบุว่า ผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จถือเป็นอาชญากร โดยจะต้องถูกจำคุก 6 เดือนและถูกปรับ 3 พันดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสิงคโปร์ได้อนุมัติร่างกฎหมายปกป้องผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจากข้อมูลที่เป็นเท็จ สำหรับผู้ที่เผยแพร่ข่าวเท็จโดยมีเจตนาที่ไม่ดีจนส่งผลกระทบในทางลบต่อสังคมจะต้องถูกจำคุกถึง 10 ปี ส่วนบริษัทให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จะต้องถูกปรับ 1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ส่วนเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศข้อเสนอใหม่ที่อนุญาตให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สามารถห้ามบริษัทสหรัฐทำธุรกรรมกับบริษัทต่างชาติที่เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งระบบการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ของสหรัฐ

เวียดนามคือประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมและกำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง แต่ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งการสร้างบรรยากาศข้อมูลข่าวสารที่โปร่งใสและความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ตจะมีส่วนร่วมปกป้องและรักษาบรรยากาศทางการเมืองและสังคมที่มีเสถียรภาพ ปกป้องอธิปไตยและเป็นพื้นฐานให้แก่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด