นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน เป็นประธานการประชุมกลุ่มจี 7 ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (vietnamplus)

   

ตามแถลงการณ์ร่วมของการประชุม บรรดาผู้นำของกลุ่มจี 7 เห็นพ้องที่จะเพิ่มเงินทุนสำหรับข้อคิดริเริ่มโครงการวัคซีนทั่วโลกสูงถึง 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านโครงการ COVAX โดยองค์การอนามัยโลกหรือ WHO เป็นผู้ริเริ่มและดำเนินการ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกลุ่มจี 7 ตกลงที่จะแบ่งวัคซีนส่วนหนึ่งที่ได้สั่งซื้อแล้วให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา

ร่วมแรงร่วมใจรับมือความท้าทาย

ในความหลักที่ถูกเสนอในการประชุมกลุ่มจี7 คือการต่อสู้เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกจะไม่มีความหมายถ้าหากประชาชนในประเทศร่ำรวยได้รับการฉีดวัคซีนในขณะที่ประชาชนในประเทศกำลังพัฒนามีวัคซีนไม่เพียงพอ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดในปัจจุบันคือการมีปฏิบัติการร่วมที่ต้องค้ำประกันว่า ประชาชนทุกคนในโลกได้เข้าถึงวัคซีนโควิด-19 เพื่อร่วมกันฟันฝ่าการแพร่ระบาด

ในฐานะประธานหมุนเวียนของกลุ่มจี7 อังกฤษได้เดินหน้าในความพยายามร่วมนี้ผ่านคำมั่นที่จะแบ่งวัคซีนสำรองเกินครึ่งหนึ่งของประเทศนี้ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาผ่านโครงการ COVAX นาง เออร์ซูลา  ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศว่า สหภาพยุโรปหรืออียูจะสนับสนุนเงินสูงถึง 1 พันล้านยูโรซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าให้แก่โครงการ COVAX  ประเทศสมาชิกของอียูได้มีส่วนร่วมโดยตรงให้แก่โครงการ COVAX โดยเยอรมนีให้คำมั่นว่า จะจ่ายเงินเพิ่มเติม 1.5 พันล้านยูโรให้แก่โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด -19 ทั่วโลก การวินิจฉัยและการรักษาผู้ติดเชื้อ ส่วนฝรั่งเศสได้ให้คำมั่นว่า จะแบ่งวัคซีนที่ซื้อแล้วร้อยละ 5 ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา

ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ได้ยืนยันถึงคำมั่นที่จะสนับสนุนเงินเพิ่มเติมอีก 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่โครงการ COVAX โดยจะสนับสนุนเงิน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทันที แต่เห็นพ้องที่จะแบ่งวัคซีนให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาหลังจากที่ชาวอเมริกันทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 

ในขณะเดียวกัน จนถึงขณะนี้ จีนได้จัดสรรวัคซีนไปแล้วกว่า 424 ล้านโดสให้แก่ 27 ประเทศ และรัสเซียได้จัดสรรวัคซีน 388 ล้านโดสให้แก่ 20 ประเทศ อินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลกกำลังพยายามจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงประเทศที่มีรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำในแอฟริกา

การขจัดลัทธิวัคซีนชาตินิยม

การแข่งขันซื้อวัคซีนระหว่างประเทศต่างๆเริ่มร้อนแรงขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีนี้เมื่อมีการประกาศผลสำเร็จในการวิจัยวัคซีนและเริ่มทำการผลิต โดยบางประเทศที่ร่ำรวยได้สั่งซื้อวัคซีนในปริมาณมากตั้งแต่ปี 2020 ในขณะที่วัคซีนยังอยู่ในขั้นตอนนทดลอง ส่วนประเทศยากจนและประเทศกำลังพัฒนาที่เพิ่งสั่งซื้อจะต้องรอและต้องซื้อผ่านการประมูลเท่านั้น

จนถึงขณะนี้ ในโลกมีประมาณ 130 ประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้ ดังนั้น เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาด การจัดสรรวัคซีนจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเป็นธรรม เพราะเมื่อประชากรทั่วโลกได้รับวัคซีน การแลกเปลี่ยนการค้าก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติและอำนวยความสะดวกให้แก่การฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก กุญแจสำคัญเพื่อยุติการแพร่ระบาดทั่วโลกคือประเทศต่างๆต้องค้ำประกันจิตใจแห่งความสามัคคีและยุติการเลือกปฏิบัติในการจัดสรรวัคซีน

เมื่อเร็ว ๆ นี้  นาย ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกหรือWHO ยังเตือนว่า ประเทศที่สำรองวัคซีนเพื่อผลประโยชน์ของชาติเป็นอันดับต้นๆอาจทำให้การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นโดยทางอ้อม อีกทั้งเรียกร้องให้ประชาคมโลกขจัดลัทธิ "ชาตินิยม" ในแผนการจัดสรรวัคซีนทั่วโลก

ในสภาวการณ์ที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบอย่างหนักในโลกถึงแม้ได้มีสัญญาณของการชะลอตัวของการแพร่ระบาด การประชุมสุดยอดกลุ่มจี7 ก็ได้บรรลุความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์และคำมั่นจากผู้นำของประเทศชั้นนำในโลกซึ่งเป็นสัญญาณในเชิงบวก ช่วยจุดประกายความสามัคคี การแบ่งปัน ความร่วมมือและความมุ่งมั่นที่จะฟันฝ่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19.