การบิดเบือนความจริงจะด้วยวิธีการใดก็ไม่อาจลบล้างความเป็นจริงของเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนในเวียดนามได้

(VOVWORLD) -การสร้างคารมบิดเบือนหรือการสร้างข่าวด้วยการอนุมานที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์เสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนในเวียดนามคือกุศโลบายที่องค์กรและกลุ่มหัวรุนแรงบางกลุ่มซึ่งไม่มีความปรารถนาดีต่อเวียดนาม รวมถึงองค์กรนักข่าวไร้พรมแดน (RSF)ได้ใช้เพื่อมุ่งใส่ร้ายป้ายสีเวียดนาม 
การบิดเบือนความจริงจะด้วยวิธีการใดก็ไม่อาจลบล้างความเป็นจริงของเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนในเวียดนามได้ - ảnh 1 แผนที่เกี่ยวกับเสรีภาพสื่อขององค์กรนักข่าวไร้พรมแดนในรายงานดัชนีเสรีภาพสื่อโลก 2022 (ภาพ AFP)

โดยเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา องค์กรนี้ได้ประกาศอีกครั้งถึงสิ่งที่เรียกว่า "การจัดอันดับเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนประจำปี" ที่จัดอันดับด้านเสรีภาพของสื่อมวลชนทั่วโลก โดยมีการระบุข้อมูลที่ไม่จริงเกี่ยวกับสถานการณ์เสรีภาพของสื่อมวลชนเวียดนาม และนี่เป็นเรื่องเก่าที่นำมาเล่าใหม่เพื่อมุ่งทำลายชื่อเสียงด้านสิทธิมนุษยชนของเวียดนามในเวทีระหว่างประเทศ

ดัชนีเสรีภาพสื่อสารมวลชนโลก 2022 ที่เผยแพร่โดย องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน RSF ได้จัดเวียดนามในอันดับที่ 174 จาก 180 ประเทศและดินแดนด้วยการอ้างตัวเลขบ่งชี้ต่างๆคือดัชนีการเมืองที่อันดับ 173  ดัชนีเศรษฐกิจที่อันดับ 176  ดัชนีด้านกฎหมายที่ 172  ดัชนีทางสังคมอยู่อันดับที่ 170 และดัชนีด้านความมั่นคงอยู่อันดับที่ 170 โดยองค์กรนี้ได้จงใจใส่ร้ายว่า นักข่าวและบล็อกเกอร์อิสระมักโดนจับติดคุกและแสดงทีท่าเข้าข้างและยุยงส่งเสริมให้กลุ่มและบุคคลจำนวนหนึ่งฉกฉวยสิทธิเสรีภาพในการพูดและในด้านสื่อสารมวลชนเพื่อต่อต้านเวียดนาม สำหรับองค์กรนักข่าวไร้พรมแดน RSF นั้นก่อตั้งเมื่อปี 1985โดยมีสำนักงานที่กรุงปารีสและมีชื่อภาษาฝรั่งเศสคือ “Reporters sans frontières” นี่คือองค์กรเอกชนที่เคลื่อนไหวทั่วโลกโดยถือมาตรา 19 ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเป็นพื้นฐานในการดำเนินการ แต่ในทางเป็นจริงการเคลื่อนไหวต่างๆกลับตรงข้ามกับนโยบายของสหประชาชาติ โดยองค์กรนี้มักบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์เสรีภาพด้านสื่อมวลชนและเสรีภาพในการพูดการแสดงความเห็นในบางประเทศ รวมทั้งในเวียดนาม อันที่จริง องค์กรนี้จัดตั้งและดำเนินการด้วยเงินทุนส่วนหนึ่งที่อาศัยแหล่งเงินสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองฝ่ายตะวันตก ดังนั้นในการจัดอันดับเสรีภาพสื่อมวลชนทุกปีก็มักทำตามการจัดอันดับโดยเจตนาของรัฐบาลประเทศที่อุปถัมภ์และการจัดอันดับเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนในเวียดนามก็อาศัยข้อมูลที่ได้จากองค์กรและบุคคลที่เป็นอริ มีการเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมายในเวียดนามและมีเป้าหมายฉวยโอกาสทางการเมืองจึงเป็นข้อมูลที่ผิดกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายประเทศในโลกได้ออกมากล่าวหาองค์กรนี้ว่าอยู่เบื้องหลังของเหตุวุ่นวายและปลุกปั่นให้เกิดการใช้ความรุนแรงหลายเหตุการณ์แล้ว

ทั้งนี้ต้องยืนยันอีกครั้งว่า เวียดนามเป็นประเทศสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมโลกและให้ความเคารพกฎหมายสากลอย่างจริงจังรวมทั้งมาตรที่19ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่ระว่า ทุกคนต่างมีสิทธิเสรีภาพในการพูดและการแสดงออก รวมถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ถูกแทรกแซง ตลอดจนสามารถค้นหา รับ และเผยแพร่ข้อมูลและความคิดผ่านสื่อทุกรูปแบบอย่างเสรีโดยไม่มีกรอบจำกัด ซึ่งรัฐเวียดนามได้ค้ำประกันสิทธิมนุษยชน สิทธิพลเมืองในชีวิตสังคมรวมทั้งเสรีภาพในการพูดและด้านสื่อสารมวลชนที่สอดคล้องกับการพัฒนาของประเทศและตามทำเนียมปฏิบัติสากล รัฐธรรมนูญปี2013ของเวียดนามได้ระบุว่า พลเมืองมีสิทธิเสรีภาพในการพูด การแสดงความเห็น ในด้านสื่อสารมวลชน ในการเข้าถึงข้อมูล การชุมนุม การตั้งสมาคม และการเดินขบวน การใช้สิทธิเหล่านี้ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายได้กำหนด ซึ่งเพื่อค้ำประกันการปฏิบัติสิทธิเหล่านี้ รัฐสภาและรัฐบาลเวียดนามก็ได้ประกาศใช้เอกสารกำกับกฎหมายต่างๆเพื่อผลักดันการปฏิบัติสิทธิดังกล่าวเช่น มาตรา 11 ของกฎหมายสื่อมวลชน ปี2016 ระบุชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิของพลเมืองคือ แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศและโลก มีส่วนร่วมแสดงความเห็นในการกำหนดและปฏิบัติตามแนวทาง นโยบายของพรรคและกฎหมายของรัฐ แสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ยื่นเสนอ ยื่นข้อร้องเรียนและเปิดโปงองค์กรและบุคคลผ่านสื่อ เป็นต้น

เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในโลกรัฐเวียดนามได้สร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้พลเมืองทุกคนได้ใช้สิทธิเสรีภาพด้านสื่อ  สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ และให้สื่อมวลชนได้ส่งเสริมบทบาทของตนภายใต้กรอบของกฎหมายและได้รับการคุ้มครองจากรัฐ  ไม่มีใครมีสิทธิ์ใช้สิทธิเสรีภาพเหล่านี้เพื่อมุ่งละเมิดผลประโยชน์ของรัฐและสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายขององค์กรและของพลเมือง

ในเวียดนามไม่มีใครถูกจับ ถูกดำเนินคดีและถูกคุมขังเพราะเหตุผลแสดงความคิดเห็นหรือปกป้องสิทธิมนุษยชน มีแต่ผู้ที่จงใจใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นและเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนเพื่อละเมิดผลประโยชน์ของรัฐ สิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายขององค์กรและบุคคล รวมถึงฝ่าฝืนกฎหมายเช่น เผยแพร่ข่าวเท็จ ข่าวที่ส่งผลเสียและสร้างความไร้เสถียรภาพทางสังคม เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย กระทรวงการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เผยว่า ปัจจุบันเวียดนามมีผู้ที่ทำงานด้านสื่อสารมวลชนประมาณ 4 หมื่นคน มีสำนักข่าว 779 แห่ง (รวมสื่อหนังสือพิมพ์ 142 แห่ง นิตยสาร 612 แห่ง สำนักงานสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 25 แห่ง) มีสำนักงาน 72 แห่งได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการด้านสื่อวิทยุและโทรทัศน์ คุณภาพของระบบอินเทอร์เน็ตในเวียดนามโดยพื้นฐานเป็นไปตามมาตรฐาน ในขณะเดียวกัน ประชาชนเวียดนามสามารถเข้าถึงข้อมูลจากสำนักงานสื่อสารระหว่างประเทศที่สำคัญอย่าง CNN BBC NHK Australia Network KBS Bloomberg เป็นต้น ได้โดยสะดวกและนี่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนที่ปฏิเสธไม่ได้ในเวียดนาม ทั้งนี้ก็เห็นได้ชัดเจนกันแล้วว่า การประเมินขององค์กร RSF ในสิ่งที่เรียกว่า "การจัดอันดับเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนประจำปี" ในปี 2022 ยังคงเพิกเฉยต่อความเป็นจริงของการค้ำประกันเสรีภาพในการพูด การแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของสื่อในเวียดนาม โดยนับวันองค์กรนี้ยิ่งพิสูจน์ถึงการมีอคติต่อเวียดนามด้วยการจงใจปฏิเสธความพยายามและผลงานที่พรรคและรัฐเวียดนามได้สร้างสรรค์ในการค้ำประกันและเคารพสิทธิเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพของสื่อมวลชน ที่จริงแล้วทุกคารมที่บิดเบือนความจริงขององค์กรนักข่าวไร้พรมแดน RSF เป็นแค่แผนเก่าที่นำมาแก้ไขใหม่เพื่อมุ่งใส่ร้ายป้ายสีบิดเบือนความเป็นจริงเกี่ยวกับสถานการณ์เสรีภาพด้านสื่อสารมวลชน เพื่อบ่อนทำลายต่อต้านพรรคและรัฐเวียดนาม ทำลายชื่อเสียงและสถานะของเวียดนามในเวทีระหว่างประเทศ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะใช้แผนกุศโลบายอะไรก็ตาม ก็ไม่สามารถปกปิดหรือบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับเสรีภาพด้านสื่อในเวียดนามได้เป็นอันขาด./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด