การเลือกตั้งประธานาธิบดีอัฟกานิสถานไม่เป็นไปตามความคาดหวัง

(VOVWORLD) - การเลือกตั้งประธานาธิบดีอัฟกานิสถานรอบแรกได้เสร็จสิ้นลงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยไม่เป็นไปตามความคาดหวังเนื่องจากมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกไปใช้สิทธิ์ประมาณ 2.2 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าร้อยละ 20 และต่ำกว่าประมาณการในเบื้องต้นของทางการอัฟกานิสถานที่ร้อยละ 60 นี่ได้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอัฟกานิสถานไม่สนใจการเลือกตั้ง เพราะสำหรับพวกเขา ใครขึ้นมามีอำนาจก็ยากที่จะแก้ไขความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของประเทศนี้ได้
การเลือกตั้งประธานาธิบดีอัฟกานิสถานไม่เป็นไปตามความคาดหวัง - ảnh 1ชาวอัฟกานิสถานออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง (Al Jazeera

การเลือกตั้งประธานาธิบดีอัฟกานิสถานมีขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายนในสภาวการณ์ที่ประเทศนี้กำลังอยู่ในภาวะการใช้ความรุนแรง และสหรัฐยังไม่สามารถลงนามสนธิสัญญาสันติภาพกับกลุ่มตาลีบันได้ ซึ่งทำให้ประชาชนอัฟกานิสถานส่วนใหญ่ไม่สนใจว่า ใครจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้

ผลงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

ในตอนแรก มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอัฟกานิสถานกว่า 9.6 ล้านคนได้ลงทะเบียนเพื่อออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดี แต่เมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง กลัยมีผู้ออกไปใช้สิทธิ์เพียง 2.2 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดเป็นประวัติกาลและน้อยกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2014 ที่มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์ 7 ล้านคน ตามความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ สถานการณ์ความไร้เสถียรภาพและการที่กองกำลังตาลีบันขู่ไม่ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์น้อย นอกจากนั้น การเลือกตั้งรอบนี้ยังเกิดข้อบกพร่องด้านเทคนิกในขณะที่จัดการเลือกตั้ง เช่นอุปกรณ์พิมพ์ลายนิ้วมือไม่ทำงานและบัตรเลือกตั้งที่ระบุที่อยู่ไม่ถูกต้อง

ก่อนหน้านั้น ได้เกิดการใช้ความรุนแรงครั้งต่างๆก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีอัฟกานิสถานโดยได้เกิดการโจมตีอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคมถึงวันที่ 22 กันยายน มีประชาชนกว่า 240 คนและเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงเกือบ 40 คนเสียชีวิตจากเหตุก่อการร้าย บรรดานักวิเคราะห์แสดงความเห็นว่า สถานการณ์ในอัฟกานิสถานในปัจจุบันไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อจัดการเลือกตั้ง ตามความเห็นของอดีตประธานาธิบดี ฮามิด คาร์ไซ การจัดการเลือกตั้งในช่วงนี้จะทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น

ตามกำหนดการ ผลการนับคะแนนในเบื้องต้นจะได้รับการอนุมัติก่อนวันที่ 19 ตุลาคม และผลการลงคะแนนอย่างเป็นทางการจะได้รับการประกาศในวันที่ 7 พฤศจิกายน ถ้าไม่มีผู้ลงสมัครคนใดได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่าครึ่งหนึ่งก็จะมีการจัดการเลือกตั้งรอบที่ 2 แต่อัตราการออกไปใช้สิทธิ์ที่ต่ำในปัจจุบันจะส่งผลกระทบไม่น้อยต่อผลการเลือกตั้ง

ความท้าทายยังมีอยู่

นี่เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 4 นับตั้งแต่กลุ่มตาลีบันถล่มสลายเมื่อปี 2001 ซึ่งก็ยังคงเป็นการแข่งขันระหว่างประธานาธิบดีคนปัจจุบัน Ashraf Ghani กับนายกรัฐมนตรี Abdullah Abdullah โดยเมื่อ 5 ปีก่อน นาย Ghani ได้รับชัยชนะ “อย่างน่าคลางแคลง” เหนือนาย Abdullah  โดยมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตในการลงคะแนน ซึ่งได้กลายเป็นประเด็นนำไปสู่การแย่งชิงอำนาจทางการเมืองที่รุนแรงและทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จอห์น แคร์รี ต้องเข้ามาแทรกแซงและโน้มน้าวให้ผู้นำทั้งสองคนต้องจัดสรรอำนาจให้ลงตัว

ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นไปตามการเลือกตั้งครั้งก่อน เมื่อความตึงเครียดระหว่าง 2 ตัวเต็งก็ทำให้บรรยากาศมีความร้อนระอุมากขึ้น โดยนาย Abdullah ได้กล่าวหานาย Ghani หลายครั้งว่า ใช้อำนาจและเงินเพื่อซื้อบัตรคะแนนจนส่งผลกระทบต่อผลการเลือกตั้ง ในขณะที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวหลายครั้ง

สิ่งที่ทำให้ประชาชนมีความกังวลคือประธานาธิบดี Ghani และนาย Abdullah ไม่สามารถเสนอแผนการที่ละเอียดเพื่อผลักดันกระบวนการสันติภาพเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความอึดอัดใจในการกำหนดโครงการปฏิบัติงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาที่สำคัญของประเทศ นั่นคือการแก้ไขการปะทะกับกลุ่มตาลีบันซึ่งเป็นกองกำลังอิสลามหัวรุนแรงที่กำลังควบคุมประชากรอัฟกานิสถานร้อยละ 11

ดังนั้น สำหรับชาวอัฟกานิสถานหลายคน ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีไม่มีความหมายสำคัญ ในสภาวการณ์ที่ความรุนแรงกำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชีวิตของประชาชนถูกคุกคามทุกวัน ความขัดแย้งภายในประเทศต้องรอการแก้ไขจากต่างประเทศ ดังนั้นไม่ว่าใครขึ้นมามีอำนาจ อัฟกานิสถานก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์ความไร้เสถียรภาพในปัจจุบันได้ และความเสี่ยงที่อัฟกานิสถานซึ่งเป็นประเทศที่ถูกทำลายจากสงครามจะตกเข้าสู่ความวุ่นวายอาจเกิดขึ้นต่อไป.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด