ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับสาธารณรัฐเกาหลีมีความเสี่ยงที่จะบานปลาย (Photo: TTXVN)

ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับสาธารณรัฐเกาหลีนับวันตึงเครียดมากขึ้นหลังจากที่ญี่ปุ่นเพิ่มความเข้มงวดในการส่งออกวัตถุดิบเพื่อเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และจอภาพซึ่งทางการโซลเห็นว่า นี่เป็นการตอบโต้ของญี่ปุ่นในสภาวการณ์ที่ทั้งสองประเทศกำลังถกเถียงกันเรื่องการชดเชยให้แก่ผู้เคราะห์ร้ายชาวสาธารณรัฐเกาหลีที่ถูกบังคับให้ใช้แรงงานในช่วงที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีตั้งแต่ปี 1910 – 1945

ความเสี่ยงที่จะบานปลายไปยังด้านอื่นๆ

  ในสภาวการณ์ที่ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสองประเทศนับวันรุนแรงมากขึ้น เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อาเบะ ชินโซ ได้ตัดสินลบชื่อสาธารณรัฐเกาหลีออกจากรายชื่อหุ้นส่วนการค้าที่น่าไว้วางใจ ซึ่งทำให้สินค้ากว่า 1,000 รายการที่ส่งออกไปยังสาธารณรัฐเกาหลีต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลญี่ปุ่นก่อนและอาจมีการปรับปรุงกรอบเวลาในการ ตรวจสอบใบสั่งซื้อสินค้า

ในเวลาต่อมา รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีได้ปฏิบัติมาตรการรับมือต่างๆ โดยประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี มุนแจอินได้ประกาศว่า จะไม่ยอมแพ้ญี่ปุ่นและถ้าหากญี่ปุ่นจงใจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่นก็จะได้รับความเสียหายด้านเศรษฐกิจด้วย โดยเริ่มจากการที่ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม นาย ฮองนามกี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสาธารณรัฐเกาหลีได้ประกาศว่า ประเทศนี้ก็ได้ถอดญี่ปุ่นออกจากรายชื่อหุ้นส่วนการค้าที่ไว้วางใจ พร้อมทั้ง จะยื่นฟ้องญี่ปุ่นต่อองค์การการค้าโลกหรือ WTO โดยเร็ว โดยเฉพาะ ทำเนียบประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีได้ประกาศว่า จะพิจารณาการยกเลิกข้อตกลงแบ่งปันข่าวกรองทางทหารหรือ GSOMIA ระหว่างสองประเทศ ตลอกจนเพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาวัตถุดิบในการผลิตจากญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลีจะสงวนเงินลงทุน มูลค่าเกือบ 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่การผลิตสินค้าสำคัญ 100 รายการเพื่อค้ำประกันแหล่งจัดสรรจนถึงปี 2024

  ความผันผวนล่าสุดนี้ได้สร้างกระแสต่อต้านสินค้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่นในสาธารณรัฐเกาหลี เช่นสินค้าแฟชั่นต่างๆ ร้านราเม็ง เครื่องสำอาง เบียร์และการท่องเที่ยว โดยชาวสาธารณรัฐเกาหลีได้หันไปเที่ยวประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทนญี่ปุ่นส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดลงในขณะที่ทางการกรุงโซลได้เผยว่า กำลังพิจารณาการระงับการพบปะกับท้องถิ่นต่างๆของญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านั้น   ทางการกรุงโซลมีแผนเชิญท้องถิ่นต่างๆของญี่ปุ่นเข้าร่วมกิจกรรมที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายนและธันวาคมนี้และมีแผนการที่จะไปเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่ถูกจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในปลายเดือนนี้ เช่น การแข่งขันกีฬาเยาวชนเอเชีย  

ผลกระทบต่อการเชื่อมโยงในภูมิภาค

  ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับสาธารณัฐเกาหลีได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมถึงห่วงโซ่การจัดสรรเทคโนโลยีโลก และกระบวนการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านในภูมิภาคหรือ RCEP ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่สาธารณรัฐเกาหลีและญี่ปุ่นเป็นสมาชิก บรรดาผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า เนื่องจากRCEP ดำเนินไปตามกลไกความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ดังนั้น ความขัดแย้งทวิภาคีระหว่างประเทศสมาชิกอาจขัดขวางกระบวนการเจรจา นาย Jeong Hyung-Gon นักวิจัยระดับสูงจากสถาบันนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลีได้ยืนยันว่า ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการเจรจาและขัดขวางการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศเพื่อส่งเสริมการเจรจา RCEP

  นอกจากนั้น ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีก็เป็นสองประเทศที่มีส่วนร่วมที่สำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคและเพิ่มความหลากหลายของตลาดท่ามกลางการต่อต้านการค้าเสรี ดังนั้นแน่นอนว่า ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศจะส่งผลกระทบต่อการแลกเปลี่ยนาทางการค้าในภูมิภาคเอเชีย

  ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนกำลังอยู่ในภาวะร้อนแรงนั้น ความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่นกับสาธารณรัฐเกาหลีในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้สร้างความวิตกกังวลให้แก่บรรดานักเศรษฐศาสตร์และขณะนี้ปัญหาดังกล่าวยังไม่มีสัญญาณที่จะคลี่คลายลง.