ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่ “เข้าใกล้ภาวะสงคราม”

(VOVWORLD) - ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิร่านนันวันทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันสองลำของอังกฤษบริเวณช่องแคบฮอร์มุซโดยกล่าวหาว่า ละเมิดกฎหมายสากลในการเดินเรือ สิ่งที่น่าสนใจคืออิหร่านได้ตอบโต้ข้อมูลของสหรัฐที่ยิงเครื่องบินไร้คนขับของอิหร่านตกใกล้ช่องแคบฮอร์มุซและยังเปิดเผยว่า สามารถทำลายเครือข่ายสายลับ CIA ของสหรัฐ โดยจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยหลายคนซึ่งบางคนได้ถูกพิพากษาประหารชีวิต นี่ทำให้บรรยากาศในภูมิภาคนี้ตกอยู่ในภาวะการเผชิญหน้าที่รุนแรงเป็นอย่างมาก
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่ “เข้าใกล้ภาวะสงคราม” - ảnh 1เรือบรรทุกน้ำมันของ Stena Bulk (Photo Stena Bulk/CNBC)

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม นายพล Amir Ali Hajizadeh ผู้บัญชาการกองทัพอากาศสังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านได้กล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พูดโกหกเรื่องเรือรบสหรัฐยิงเครื่องบินไร้คนขับของอิหร่านตก ในวันเดียวกัน อิหร่านก็เปิดเผยว่า ได้ทำลายเครือข่ายสายลับ CIA ของสหรัฐ โดยจับกุมตัวผู้เกี่ยวข้อง 17 คนและบางคนถูกพิพากษาประหารชีวิต ส่วนเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม อิหร่านได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษ 1 ลำที่แล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซด้วยเหตุผลละเมิดกฎหมายสากล

สหรัฐปฏิบัติยุทธศาสตร์กดดันเต็มพิกัด

อิหร่านได้กล่าวหาว่า เรืออังกฤษจงใจ “ปิดระบบนำทาง” และเพิกเฉยสัญญาณเตือนจากอิหร่าน ในขณะเดียวกัน บริษัท Stena Bulk ของสวีเดน ซึ่งเป็นผู้บริหารเรือลำดังกล่าวยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายสากล ส่วนอังกฤษได้ออกมาตอบโต้ทันทีโดยเตือนว่า อิหร่านจะได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดถ้าหากไม่คืนเรือลำดังกล่าว แต่ถึงกระนั้นอังกฤษก็ยังยืนยันว่า ต้องการแก้ไขปัญหานี้ด้วยมาตรการทางการทูต

ส่วนท่าทีของสหรัฐต่อปัญหานี้ถือว่า ผิดสังเกตกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อไม่มีการตอบโต้แม้อิหร่านได้กล่าวหาพันธมิตรของตน โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แค่กล่าวตำหนิอิหร่านแล้วยืนยันว่า จะหารือปัญหานี้กับอังกฤษเท่านั้น ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงให้ข้อสังเกตว่า นี่อาจเป็นแผนการของสหรัฐ เพราะเป็นที่แน่ชัดว่า สหรัฐอยากหลีกเลี่ยงการปะทะทางทหารกับอิหร่านโดยเฉพาะในขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2020 ใกล้เข้ามาแต่สหรัฐจะใช้ยุทธศาสตร์เพิ่มแรงกดดันในระดับสูงสุดเพื่อทำลายการส่งออกน้ำมันที่ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของเศรษฐกิจอิหร่าน ในทางเป็นจริง อิหร่านได้ประสบความยากลำบากนับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศคำสั่งคว่ำบาตรต่างๆ โดยปริมาณการส่งออกน้ำมันได้ลดลงและยังสร้างความกังวลให้แก่ผู้ประกอบการยุโรปที่ต้องการเข้าไปลงทุนในอิหร่าน ซึ่งก็รวมถึงผู้ประกอบการจากประเทศที่ลงนามข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน โดยเป้าหมายที่สหรัฐมุ่งถึงในการเรียกร้องให้ยุโรปเพิ่มคำสั่งคว่ำบาตรต่ออิหร่านก็เพื่อกดดันให้อิหร่านมีทางเลือกเดียวคือกลับเข้าร่วมการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์เท่านั้น

“ภาวะสงคราม”

สงครามปฏิวัติอิสลามเมื่อปี 1979 ในประเทศอิหร่านได้ทำให้อิหร่านและสหรัฐต้องกลายเป็นศัตรูกัน แต่ในสมัยของประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบาม่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการปรับปรุงผ่านการลงนามข้อตกลงนิวเคลียร์หรือ JCPOA เมื่อปี 2015 ระหว่างอิหร่านกับกลุ่มพี 5+1 โดยอิหร่านต้องจำกัดโครงการนิวเคลียร์เพื่อแลกกับการลดคำสั่งคว่ำบาตรต่างๆ แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่ที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งไม่เพียงแต่ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงเท่านั้น แต่นาย ทรัมป์ ยังทำการกดดันเต็มพิกัดและประกาศฟื้นฟูคำสั่งคว่ำบาตรต่างๆต่ออิหร่านด้วย

ใน 2 เดือนมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านนับวันเลวร้ายมากขึ้น แต่ถึงแม้ได้มีการตอบโต้และข่มขู่กันไปมา แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยากมีการเผชิญหน้าทางทหาร ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากกรณีที่อิหร่านยิงเครื่องบินไร้คนขับของสหรัฐตกบริเวณช่องแคบฮอร์มุซเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สหรัฐก็ไม่ใช้มาตรการทางทหารหากตอบโต้โดยประกาศเพิ่มคำสั่งคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านเท่านั้น ส่วนอิหร่านก็ตอบโต้ด้วยการระงับการปฏิบัติตามคำมั่นสำคัญๆในข้อตกลง JCPOA โดยเฉพาะระดับการเสริมสรรถภาพยูเรเนียมและมาถึงกรณีล่าสุดนี้ก็เช่นกัน

แม้จะทำการข่มขู่อิหร่านแต่ประธานาธิบดีสหรัฐก็ยังส่งนาย Rand Paul ส.ว.พรรครีพับลิกันมาพบปะกับนาย โมฮัมเหม็ด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ณ นครนิวยอร์คเพื่อแสวงหามาตรการแก้ไขวิกฤตในเขตอ่าว ส่วนอิหร่านก็ปฏิบัติยุทธศาสตร์ไปในแนวทางเดียวกัน โดยควบคู่กับการยืนยันเสรีภาพในการเดินเรือในเขตอ่าวเปอร์เซียและเตือนว่า ทุกการโจมตีทางทหารใส่อิหร่านจะถูกตอบโต้ อิหร่านยังเปิดโอกาสในการพูดคุยเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ถ้าหากคำสั่งคว่ำบาตรถูกยกเลิก แม้กระทั่งได้เสนอให้จัดการพบปะโดยตรง สงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่านจะไม่เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ในตอนนี้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต่างมีจุดจำกัด ดังนั้นถ้าหากสหรัฐและอิหร่านจะเล่นเกมส์นี้ต่อไปเพื่อทดสอบความอดกลั้นก็อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกได้ ซึ่งถ้าถึงช่วงเวลาสุกงอมด้วย เชื้อไฟเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ระเบิดเวลาของสงครามในตะวันออกกลางปะทุขึ้นจนไม่อาจคาดเดาผลลัพท์ที่จะตามมาได้.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด