ความร่วมมือระหว่างประเทศนับวันมีความเร่งด่วนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19

(VOVWORLD) - ถึงแม้หลายประเทศได้มีความพยายามอย่างเข้มแข็ง แต่โรคโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดในวงกว้างทั่วโลก จนถึงขณะนี้  โรคโควิด-19 ได้ระบาดในกว่า 200 ประเทศและดินแดน และมีผู้ติดเชื้อกว่า 1 ล้านคน จากสถานการณ์นี้ได้ทำให้ประเทศต่างๆและประชาคมโลกต้องมีมาตรการรับมือที่เคร่งครัดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศได้รับการถือว่า นับวันมีความเร่งด่วน โดยเฉพาะมีบทบาทชี้ขาดในการต่อสู้โรคโควิด-19
ความร่วมมือระหว่างประเทศนับวันมีความเร่งด่วนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 - ảnh 1นาย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติเรียกร้องให้ความร่วมมือระหว่างประเทศ (Getty Images)

ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ จากการแพร่ระบาดที่รุนแรงของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน มาตรการรับมือเพียงลำพังของประเทศต่างๆถึงแม้จะมีความเข้มงวดแค่ไหนแต่ก็ยากที่จะขัดขวางการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการแพร่ระบาดกำลังส่งผลอย่างกว้างลึกต่อกิจกรรมเศรษฐกิจสังคมส่วนใหญ่ของประเทศต่างๆ ในขณะที่แต่ละประเทศและกลุ่มประเทศมีความได้เปรียบและจุดแข็งเฉพาะตัว และได้รับผลจากการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกและโลกาภิวัตน์ ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างประเทศและการระดมพลังทุกแหล่งของโลกเพื่อรับมือและฟันฝ่าผลกระทบของการแพร่ระบาดเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง

ที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของสหประชาชาติออกคำเรียกร้องให้สหภาพยุโรปยืนยันถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือการแพร่ระบาด

เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของสหประชาชาติได้อนุมัติมติที่เรียกร้องให้ความร่วมมือระหว่างประเทศและลัทธิพหุภาคีมีส่วนร่วมในการต่อต้านการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ร่างมติโดยสวิสเซอร์แลนด์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ นอร์เวย์  ลิกเตนสไตน์และกานาเสนอมี 188 ประเทศให้สัตยาบันจากจำนวนทั้งหมด 193 ประเทศสมาชิก นี่คือเอกสารฉบับแรกของสำนักงานระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกเกี่ยวกับการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดเมื่อปลายปีที่แล้ว ถึงแม้ไม่มีลักษณะเชิงผูกมัดเหมือนมติฉบับต่างๆที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอนุมัติ แต่มติของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติมีคุณค่าทางการเมืองที่เข้มแข็ง แสดงให้เห็นถึงทัศนะของโลกเกี่ยวกับความเร่งด่วนของความร่วมมือระหว่างประเทศและปฏิบัติการพหุภาคีในการต่อต้านการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ต่อจากนั้น ในคำประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 เมษายน ตัวแทนระดับสูงดูแลนโยบายความมั่นคงและการต่างประเทศของสหภาพยุโรปหรืออียู Josep Borrell ได้เตือนว่า โรคโควิด-19 อาจแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่จะควบคุมได้ในแอฟริกา และอียูต้องเข้าร่วมเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับผลกระทบต่อยุโรป อีกทั้งยืนยันว่า ถ้าหากยุโรปขัดขวางการแพร่ระบาดได้ ก็จะมีความหมายไม่มากนัก เพราะการแพร่ระบาดสามารถกลับมากเกิดขึ้นในยุโรปในทุกที่ทุกเวลาถ้าหากปัญหาในแอฟริกาหรือทวีปอื่นๆยังไม่ได้รับการแก้ไข

ความร่วมมือระหว่างประเทศนับวันมีความเร่งด่วนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 - ảnh 2 ถึงแม้หลายประเทศได้มีความพยายามอย่างเข้มแข็ง แต่โรคโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดในวงกว้างทั่วโลก (AP)

ความร่วมมือระหว่างประเทศมหาอำนาจยังไม่ตอบสนองความคาดหวัง

ทัศนะย้ำถึงความร่วมมือระหว่างประเทศตามรูปแบบ “ช่วยเหลือคนอื่นก็เป็นการช่วยเหลือตนเอง” ของเจ้าหน้าที่ยุโรปก็เป็นทัศนะร่วมกันของบรรดานักวิเคราะห์ระหว่างประเทศหลายคนเกี่ยวกับมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ในสภาวการณ์แห่งโลกาภิวัตน์ที่เข้มแข็งและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกที่กว้างลึกในปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นกุญแจเพื่อค้ำประกันว่า โลกสามารถฟันฝ่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือโรคระบาดที่อันตรายอื่น ๆ ในอนาคต

โดยเฉพาะ บรรดาผู้เชี่ยวชาญในด้านสาธารณสุขและการรับมือการแพร่ระบาดระหว่างประเทศก็มีทัศนะเหมือนกันว่า ความร่วมมือระหว่างวิทยาศาสตร์และการแพทยชั้นนำของโลกเพื่อรับมือการแพร่ระบาดเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง โดยความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับจีนซึ่งเป็น 2 เศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นจ้าวแห่งเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่ทันสมัยแถวหน้าของโลกอาจช่วยให้โลกค้นหายารักษาไวรัส Sars-CoV-2 ตลอดจนการผลิตวัคซีนป้องกันให้ประสบความสำเร็จ นอกจากนั้น ความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพระหว่างประเทศมหาอำนาจยังช่วยส่งมอบ จัดสรรการช่วยเหลือด้านสาธารณสุข การเงินและโลจิสติกอย่างคล่องตัวและทันการณ์เพื่อรับมือการแพร่ระบาดในโลก โดยเฉพาะภูมิภาคที่มีข้อจำกัด

แต่น่าเสียดาย เนื่องจากเหตุผลที่แตกต่างกัน จนถึงขณะนี้ ความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ รวมทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศมหาอำนาจคือสหรัฐกับจีนยังไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ New York Times ฉบับวันที่ 5 เมษายน นาย ชุยเทียนไค่  เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐได้ยืนยันว่า สหรัฐและจีนยังคงมีเรื่องที่ไม่มีความเห็นพ้องกัน แต่ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศต้องสามัคคี สนับสนุนและร่วมมือกันเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  หวังว่า คำเรียกร้องของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐและการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขเมื่อเร็วๆนี้ของรัสเซียต่อสหรัฐจะช่วยผลักดันความร่วมมือที่มีเจตนาดีและมีประสิทธิภาพระหว่างประเทศต่างๆและประชาคมโลกในเวลาที่จะถึงและจะสามารถเอาชนะมหันตภัยที่ร้ายแรงของมนุษยชาติที่ระบาดเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 21.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด