ทวีความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

(VOVWORLD) - การที่สหรัฐส่งทหารไปยังเขตอ่าวเปอร์เซียหลังจากที่โรงกลั่นน้ำมันสองแห่งของซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีด้วยเครื่องบินไร้คนขับได้ส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดมากขึ้น จนได้มีการพูดถึงคำว่า “สงคราม” และ “การปะทะทางทหารในทุกด้าน” ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีปฏิบัติใดๆที่จะช่วยคลี่คลายความตึงเครียดในภูมิภาคนี้
ทวีความตึงเครียดในตะวันออกกลาง - ảnh 1 สถานการณ์หลังการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบียเมื่อวันที่ 14 กันยายน (Photo AP)

นาย มาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยว่า การที่สหรัฐส่งทหารไปยังตะวันออกกลางคือการปฏิบัติตามคำร้องขอของซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อปกป้องหุ้นส่วนของตนในภูมิภาคจากปฏิบัติการที่ยั่วยุของอิหร่านหลังจากที่อิหร่านโจมตีเครื่องบินไร้คนขับของสหรัฐเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การยึดเรือบรรทุกน้ำมัน รวมทั้งการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบียที่สหรัฐกล่าวหาอิหร่านว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง โดยกองกำลังทหารสหรัฐส่วนใหญ่ที่ถูกส่งไปยังตะวันออกกลางจะปฏิบัติหน้าที่ป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ

เพิ่มความตึงเครียดมากขึ้น

ในความเป็นจริง การส่งทหารไปยังตะวันออกกลางคือก้าวเดินที่จำเป็นของสหรัฐเพราะสหรัฐไม่สามารถ “นิ่งเงียบได้ตลอด” หลังเหตุโจมตีที่ทำให้ความมั่นคงของพันธมิตรในภูมิภาค เช่น ซาอุดิอาระเบียถูกคุกคาม ซึ่งถือเป็นการทดสอบต่อความสัมพันธ์พันธมิตรระหว่างสหรัฐกับซาอุดิอาระเบีย โดยบรรดาเจ้าหน้าที่สหรัฐยืนยันว่า ได้ส่งทหารไปในจำนวนที่เหมาะสมเพื่อการปกป้องตนเองเท่านั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า ภูมิภาคตะวันออกกลางไม่ต้องการให้ทหารสหรัฐปรากฎตัวในภูมิภาคนี้ เพราะจะทำให้สถานการณ์มีความตึงเครียดมากขึ้น นาย ฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านได้เผยว่า การปรากฎตัวของกองกำลังต่างชาติได้สร้างภัยคุกคามต่อความมั่นคงด้านพลังงานและการเดินเรือในภูมิภาค โดยเรียกร้องให้กองกำลังต่างประเทศถอนตัวออกจากเขตอ่าวเพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันทางอาวุธ ซึ่งความมั่นคงในเขตอ่าว ช่องแคบฮอร์มุซและอ่าวโอมานต้องได้รับการค้ำประกันโดยความร่วมมือระหว่างบรรดาประเทศริมฝั่งทะเล ส่วนพลตรี โฮเซน ซาลามี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านหรือ IRGC ได้ยืนยันว่า อิหร่านจะไม่ยอมกลายเป็นสนามรบและจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องประเทศ ส่วนนาย โมฮัมเหม็ด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านมองว่า ปฏิบัติการของสหรัฐอาจส่งผลให้เกิดการปะทะทางทหาร

ในขณะเดียวกัน กองทัพอิหร่านได้จัดการเดินสวนสนามในกรุงเตหะรานและนครใหญ่ๆ รวมทั้งเมืองท่า บันดาร์อับบาส ใกล้ช่องแคบฮอร์มุซ โดยมีเรือโจมตีพร้อมระบบป้องกันภัยทางอากาศและยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ อิหร่านยังจัดงานนิทรรศการเกี่ยวกับเครื่องบินไร้คนขับของต่างชาติที่ถูกอิหร่านยิงตกเพื่อแสดงถึงความพร้อมของกองทัพอิหร่านในการต่อต้านภัยคุกคามจากภายนอก

ทวีความตึงเครียดในตะวันออกกลาง - ảnh 2สหรัฐส่งทหารมาปกป้องประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นพันธมิตรของตน (Photo Reuters)

ไม่ง่ายที่จะยุติเป้าหมาย

สหรัฐรู้ดีว่า การกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางและความสัมพันธ์กับอิหร่านตึงเครียดมากขึ้นแต่แน่นอนว่า สหรัฐจะต้องพยายามธำรงอิทธิพลในภูมิภาคนี้ต่อไป ซึ่งนอกจากเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน การปรากฎตัวในภูมิภาคนี้อย่างยาวนานจะส่งผลดีต่อสหรัฐอีกด้วย ถ้าหากสหรัฐถอนตัวออกจากภูมิภาคนี้ สถานการณ์ในภูมิภาคจะซับซ้อนมากขึ้น เพราะฝ่ายต่างๆ เช่น รัสเซียและจีนกำลังพยายามเพิ่มบทบาทในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันอันดับหนึ่งของโลกและได้นำเข้าน้ำมันดิบจากอ่าวเปอร์เซียถึงร้อยละ 40 ในตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มความสามารถทางทหารในภูมิภาคนอกประเทศ โดยเฉพาะในอ่าวเปอร์เซีย ผ่านการส่งเรือมาเข้าร่วมการลาดตระเวณต่อต้านโจรสลัดนอกชายฝั่งโซมาเลีย ก่อสร้างท่าเรือต่างๆในเชิงท่าเรือพลเรือนในมหาสมุทรอินเดีย นอกจากนี้ ฐานทัพในจิบูตีได้ช่วยเพิ่มความเข้มแข็งทางทหารให้แก่จีนมากขึ้น

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า แม้สหรัฐจะพึ่งพาน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียไม่มากนักแต่ก็จำเป็นต้องคงกองทัพไว้ในภูมิภาคนี้

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอ่าวเปอร์เซีย โดยเฉพาะกับอิร่านกำลังอยู่ในภาวะที่อ่อนไหว แต่ประชามติยังตั้งความหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะไม่ปล่อยให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงจนเกิดการปะทะในระดับภูมิภาคขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด