ผลงานที่น่าสนใจของการเยือนภูมิภาคเอเชียของประธานาธิบดีสหรัฐ
Quang Dung- VOV5 -  
(VOVWORLD) -การเยือนภูมิภาคเอเชียครั้งแรกของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ในวาระที่ 2 ที่มีขึ้นในระหว่างวันที่ 26 -30 ตุลาคมได้บรรลุผลงานที่น่าสนใจ ชี้ชัดถึงประเด็นที่ได้รับความสนใจในงานด้านการต่างประเทศใหม่ของทางการสหรัฐในเวลาที่จะถึง
ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ มีการพบปะกับประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง (Photo:REUTERS) |
การเยือนภูมิภาคเอเชียของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มขึ้นด้วยการเยือนมาเลเซียเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 และเสร็จสิ้นลงด้วยการพบปะกับประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง ที่สาธารณรัฐเกาหลีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม
แนวทางใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน
การพบปะโดยตรงระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง ณ เมืองปูซาน ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นจุดเด่นของการเยือนภูมิภาคเอเชียของประธานาธิบดีสหรัฐ และได้รับการประเมินว่า เป็นการพบปะที่สำคัญที่สุดในโลกในปีนี้ ได้บรรลุผลงานที่น่าสนใจต่างๆ ภายหลังการหารือมาเป็นเวลา 2 ชั่วโมง บรรดาผู้นำสหรัฐและจีนได้เห็นพ้องเกี่ยวกับกรอบข้อตกลงที่ได้บรรลุก่อนหน้านั้นไม่กี่วันในการเจรจา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งสหรัฐจะลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลร้อยละ 10 ซึ่งรวมไปถึงสินค้าที่นำเข้าจากฮ่องกงและมาเก๊าและเลื่อนการเก็บภาษีต่างตอบแทนร้อยละ 24 ต่อสินค้าของจีน ซึ่งรวมไปถึงสินค้าที่นำเข้าจากฮ่องกงและมาเก๊าออกไปอีก 1 ปี ส่วนจีนจะปรับปรุงมาตรการรับมือนโยบายด้านภาษีดังกล่าวของสหรัฐให้เหมะสม ทั้งสองฝ่ายได้อนุมัติขยายเวลาการยกเลิกภาษีสำหรับสินค้าบางรายการ สองคือสหรัฐจะระงับการกำหนดโควตาส่งออกร้อยละ 50 ที่ได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 29 กันยายนภายใน 1 ปี ส่วนจีนจะระงับการปฏิบัติมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากที่ได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมภายใน 1 ปีและจะวิจัยการปรับปรุงแผนการที่เป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุความเห็นพ้องเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ เช่น ความร่วมมือในการควบคุมเฟนทานิล ขยายการค้าการเกษตรและแก้ไขปัญหาของบริษัทต่างๆที่เกี่ยวข้อง จีนจะร่วมมือกับสหรัฐในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงติ๊กตอกอย่างสมเหตุสมผล ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐได้ยืนยันว่า สิ่งที่บรรลุในการพบปะกับประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง เกินกว่าความคาดหวัง
สิ่งที่น่าสนใจคือ สหรัฐและจีนยังได้เห็นพ้องที่จะประสานงานในการแก้ไขการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งเป็นปฏิบัติการด้านการทูตร่วมกันครั้งแรกของทั้งสองฝ่ายในการแก้ไขการปะทะนี้ บรรดาผู้สังเกตการณ์เผยว่า แม้จะไม่ใช่ข้อตกลงในรอบด้านแต่การพบปะสุดยอดระหว่างสหรัฐกับจีนมีสัญญาณในเชิงบวก สะท้อนให้เห็นถึงการที่เศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดของโลกอยากมีความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพมากกว่าการเผชิญหน้า นาย Chong Ja Ian ศาสตราจารย์วิทยาศาสตร์การเมืองของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ได้ให้ข้อสังเกตว่า
“ผมคิดว่า นี่ไม่ใช่การระงับเชิงกลยุทธ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนมีความผันผวนต่างๆนับตั้งแต่กลางปี 2010 มาจนถึงปัจจุบัน และทุกอย่างกำลังเดินถูกทิศทาง”
เสริมสร้างพันธมิตรด้านความมั่นคง
นอกจากข้อตกลงด้านการค้าที่ได้บรรลุกับจีน การเยือนเอเชียของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้บรรลุผลงานต่างๆด้านการทูตและความมั่นคง ที่ประเทศมาเลเซีย ประธานาธิบดีสหรัฐพร้อมนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้เป็นประธานร่วมในพิธีลงนามแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นก้าวเดินเพื่อมุ่งสู่การยุติการปะทะและฟื้นฟูสันติภาพในเขตชายแดน ซึ่งกิจกรรมนี้ช่วยให้ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ เสริมสร้างภาพลักษณ์ของนักไกล่เกลี่ยที่มีประสิทธิภาพในการปะทะระหว่างประเทศ หลังจากผลักดันการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาเมื่อต้นเดือนนี้
ต่อจากนั้น การเยือนญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมและการหารือกับนาง ซานาเอะ ทากาอิจิ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นได้ช่วยให้ทางการของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เสริมสร้างบทบาทการเป็นผู้เดินหน้าในพันธมิตรญี่ปุ่น-สหรัฐเมื่อทั้งสองประเทศได้ประกาศเปิดศักราชทองของความสัมพันธ์ทวิภาคีผ่านคำมั่นต่างๆเกี่ยวกับการผลักดันความร่วมมือด้านกลาโหมและเศรษฐกิจ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐและนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับการค้ำประกันและจัดสรรแร่ธาตุต่างๆ รวมทั้งแร่หายากเพื่อค้ำประกันห่วงโซ่อุปทาน สำหรับด้านความมั่นคง รัฐบาลชุดใหม่ของญี่ปุ่นยังให้คำมั่นที่จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมของญี่ปุ่นตามข้อเสนอของสหรัฐคือร้อยละ 2 ของจีดีพีจนถึงเดือนมีนาคมปี 2026 ซึ่งเร็วกว่า 2 ปีเมื่อเทียบกับเป้าหมายก่อนหน้านั้นคือปีงบประมาณ 2027 พร้อมทั้งยืนยันว่า จะปฏิบัติคำมั่นเกี่ยวกับการลงทุนเงินจำนวน 5 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในอุตสาหกรรมหลักของสหรัฐ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ แร่ธาตุ การต่อเรือ เพิ่มการนำเข้าสินค้าการเกษตรและสินค้าของสหรัฐ นาย Stephen Nagy ศาสตราจารย์ด้านการเมืองและการศึกษาระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยคริสเตียนนานาชาติในญี่ปุ่นได้ให้ข้อสังเกตว่า ข้อตกลงนี้มีความหมายสำคัญต่อทางการของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีหลายปัจจัยที่ยากจะคาดเดาได้
“ผมคิดว่า สหรัฐและญี่ปุ่นมีความเชื่อมโยงด้านความมั่นคงเศรษฐกิจ โดยเพิ่มความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทาน การรับมือห่วงโซ่เซมิคอนดักเตอร์ เสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารและลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องการเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการผลิตของจีน”
สำหรับความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐในภูมิภาคเอเชียคือสาธารณรัฐเกาหลี ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีบรรลุข้อตกลงการค้าในเบื้องต้น โดยสหรัฐจะธำรงอัตราภาษีต่างตอบแทนสำหรับสินค้าที่นำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลีคือร้อยละ 15 ลดภาษีต่อรถยนต์และอะไหล่รถยนต์จากร้อยละ 25 ลงเหลือร้อยละ 15 ส่วนสาธารณรัฐเกาหลีจะลงทุนจำนวนเงิน 3 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐ นี่ถือเป็นความสำเร็จของทางการสหรัฐเพราะก่อนหน้านั้นสาธารณรัฐเกาหลีเคยเตือนหลายครั้งว่า ไม่สามารถปฏิบัติคำมั่นการลงทุน 3 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐได้.
Quang Dung- VOV5